
การรับมือกับการจบความสัมพันธ์อาจเป็นเรื่องยาก ไม่ว่าจะเกิดจากการห่างกันไปเอง ทะเลาะกัน หรือเผชิญกับสถานการณ์ที่เจ็บปวด คนส่วนใหญ่ยังคงนึกถึงความผิดพลาดที่ผ่านมา การสำรวจตัวเองและพิจารณาถึงเรื่องที่ผ่านมานี้เป็นเรื่องปกติ แต่หากจมอยู่กับความคิดเหล่านี้มากเกินไปก็อาจทำให้การใช้ชีวิตต่อไปเป็นเรื่องยาก
ไม่ว่าคุณจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งเพียงใด มิตรภาพที่เป็นพิษ (Toxic Friendship) ก็สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคุณได้ มิตรภาพที่ไม่ดีส่งผลเสียต่อคุณได้ ตั้งแต่การทำลายความนับถือตนเองไปจนถึงการกระตุ้นให้เกิดภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล ผลที่ตามมาเหล่านี้ส่งผลให้เกิดความเครียดซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อด้านอื่น ๆ ในชีวิตของคุณ ทำให้การจัดการกับสุขภาพจิตของคุณเป็นเรื่องที่ยากขึ้น
สัญญาณเตือนที่บอกว่า
มิตรภาพระหว่างคุณกับเขาไม่ส่งผลดีอีกต่อไป
คุณอาจเริ่มสังเกตเห็นว่าพฤติกรรมหรือกิริยาท่าทางของเพื่อนทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าหรือรับมือได้ยาก ซึ่งคุณอาจลองตอบคำถามตัวเอง แล้วลองพิจารณาถึงมิตรภาพระหว่างคุณกับอีกฝ่ายว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้ :
- พวกเขาสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของฉันไหม
- ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาถามว่าฉันเป็นยังไงบ้างคือเมื่อไหร่
- เขาพยายามควบคุมคนอื่นเพื่อผลประโยชน์หรือไม่
- เขาไม่ซื่อสัตย์กับฉันหรือคนอื่นในชีวิตหรือเปล่า
- เขามักจะโทษทุกอย่างยกเว้นตัวเองหรือไม่
- เขาไม่รับผิดชอบต่อข้อบกพร่องของตัวเองแล้วโยนความผิดให้คนอื่นใช่ไหม
- เขากำลังทำให้ฉันซึมเศร้าหรือกำลังทำให้ฉันแย่ลงไปด้วยหรือเปล่า
- ฉันรู้สึกหดหู่ ไร้ค่า และรู้สึกตัวเล็กลงหลังจากที่ได้พูดคุยกับอีกฝ่ายหรือไม่
ลองใส่ใจในสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่ามิตรภาพของคุณกำลังแย่ลง เพื่อที่คุณจะได้วางแผนยุติความสัมพันธ์นี้ได้ ลองมาเรียนรู้เพิ่มเติมกันว่าตอนไหนที่เราควรจบมิตรภาพ
ปล่อยพลังลบใส่จนทำให้คุณรู้สึกได้รับพลังงานลบ ๆ ไปด้วย
การแสดงความเห็นอกเห็นใจเพื่อนที่กำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นเป็นเรื่องที่ดี ส่วนหนึ่งของการเป็นเพื่อนที่ดีคือการคอยอยู่เคียงข้างพวกเขาในยามยากลำบาก แต่ถึงอย่างไรคุณก็ต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของตัวเองด้วย แม้ว่าคุณจะสนับสนุนเพื่อนที่กำลังประสบปัญหา แต่คุณก็ไม่สามารถช่วยอะไรมากไปกว่าคอยให้กำลังใจ ดังนั้นอย่าลืมสังเกตสัญญาณเตือนที่บอกว่ามิตรภาพของคุณกำลังแย่ลง เพื่อที่คุณจะได้วางแผนยุติความสัมพันธ์นี้ได้
โดยทั่วไปการใช้เวลาอยู่ร่วมกับเพื่อน ๆ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี แต่บางครั้งคุณอาจรู้สึกหมดพลังงานหลังจากการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม หากเพื่อนคนหนึ่งของคุณมองชีวิตในแง่ลบอยู่เสมอหรือทำให้คุณรู้สึกแย่ตลอดเวลา นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าความสัมพันธ์นั้นไม่เหมาะกับคุณอีกต่อไป แม้ว่าคุณอาจรู้สึกว่าจำเป็นต้องสนับสนุนและให้ความช่วยเหลืออีกฝ่าย แต่ในขณะเดียวกันสิ่งนี้กลับทำให้คุณรู้สึกสิ้นหวังไปด้วย หากเป็นเช่นนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ควรยุติความสัมพันธ์นั้น ซึ่งอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับทั้งสองฝ่าย
ชอบแข่งขันจนทำให้คุณเสียสุขภาพจิต
นอกจากนี้การไม่มีความเห็นอกเห็นใจกัน ความอิจฉา ความหึงหวง และการกระทบกระทั่งทางจิตใจล้วนส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ปัญหาสุขภาพจิตของเพื่อนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเราไปด้วย หากคุณสังเกตเห็นว่าเพื่อนมักจะพยายามเอาชนะคนอื่นหรือดูไม่ค่อยจะยินดีกับคุณจริง ๆ เมื่อชีวิตของคุณกำลังเป็นไปด้วยดี นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเพื่อนคนนั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของคุณ
ทำลายเส้นแบ่งที่คุณตั้งไว้
เพื่อนบางคนยอมรับเส้นแบ่งของคุณ เมื่อคุณพูดว่า “ฉันไปงานนั้นไม่ได้” หรือ “ฉันไม่ชอบพฤติกรรมแบบนั้น” พวกเขาจะยอมรับฟังความเห็นของคุณด้วยความเต็มใจ หรือยอมปรับเพื่อความสบายใจของคุณ แต่เพื่อบางคนกลับพยายามล้ำเส้นอยู่เสมอ โดยขอให้คุณทำสิ่งที่คุณรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอด หากคุณรู้สึกไม่สบายใจและต้องคอยหลีกเลี่ยงคำเชิญของอีกฝ่ายเสมอ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่ต้องพิจารณาถึงการถอยห่างจากมิตรภาพนี้แล้ว
การเติบโตและการแยกจาก
มิตรภาพที่ยาวนานอาจไม่ส่งผลดีกับคุณอีกต่อไป ผู้คนล้วนเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปตามสังคมที่แต่ละคนพบเจอ ซึ่งอาจทำให้เพื่อนสมัยเด็กมีช่องว่างด้านประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน หากคุณมีเพื่อนสนิทที่เมื่อโตขึ้นได้เจอกับน้อยลง มีเรื่องที่สนใจหรือไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนกัน ความคาดหวังที่จะเติบโตไปพร้อมกันอาจเป็นไปได้ยาก คุณอาจต้องการยุติความสัมพันธ์นั้นลง หรืออย่างน้อยก็ลดระดับความสัมพันธ์ เพราะสุขภาพจิตของเพื่อนไม่ใช่ความรับผิดชอบของคุณ สิ่งเดียวที่คุณทำได้คือมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง
ในมิตรภาพที่เต็มไปด้วยความเครียด
จะจบความสัมพันธ์นี้เมื่อไหร่ดี
หากคุณพูดกับตัวเองว่า “เพื่อนคนนี้ทำให้ฉันรู้สึกกังวลใจบ่อย ๆ” หรือ “เรื่องราวของเพื่อนเริ่มส่งผลกระทบถึงฉัน” นี่อาจเป็นสัญญาณว่าความสัมพันธ์นั้นไม่ส่งผลดีกับคุณอีกต่อไป ดังนั้นคุณควรใช้เวลาสักพักเพื่อประเมินถึงมิตรภาพระหว่างคุณกับเขา และถามตัวเองอย่างจริงจังว่าข้อดีของการเป็นเพื่อนกับคน ๆ นี้มีข้อดีมากกว่าข้อเสียหรือไม่ หากคุณตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์ก็ให้เฟดตัวออกมาเลย ย่อมดีกว่าปล่อยให้ระยะเวลาเนิ่นนานจนกลายเป็นปัญหาที่ส่งผลเสียกับสุขภาพจิตของคุณ
How to ตัดขาดความสัมพันธ์ โดยไม่เสียสุขภาพจิต
การจบมิตรภาพเป็นเรื่องยาก เพราะแต่ละทางเลือกก็มีข้อดีและข้อเสีย ให้ลองประเมินสถานการณ์เพื่อตัดสินใจว่าจะจัดการกับความสัมพันธ์นี้อย่างไร ซึ่งถ้าหากคุณต้องการพูดคุยต่อหน้าเป็นการส่วนตัว ก็ให้เลือกพบเจอในพื้นที่สาธารณะเพื่อช่วยลดโอกาสที่จะเกิดการระเบิดอารมณ์ แต่อย่าชวนกันไปรับประทานอาหารเพราะอาจทำให้เสียบรรยากาศในการรับประทานอาหารได้
นอกจากนี้การเลือกคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ ข้อความ หรืออีเมล จะช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้สิ่งที่คุณอยากจะพูดถูกตีความผิด ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใดในการจบความสัมพันธ์ ให้แน่ใจว่าคุณอยู่ในสภาวะจิตใจที่เข้มแข็งพอที่จะสามารถพูดคุยอย่างใจเย็นและมีเหตุผล จำประเด็นสำคัญไว้ในเวลาที่คุณต้องอธิบายให้เขาทราบว่าคุณกำลังจะยุติมิตรภาพกับเขา
และแม้ว่าคุณอาจต้องใช้เวลาในการรักษาใจ แต่ก็อย่าตีตัวออกหากจากเพื่อนคนอื่นหลังจากเลิกคบกับเพื่อนที่เป็นพิษแล้ว ให้ความสำคัญกับมิตรภาพที่ดีที่เหลืออยู่ และพยายามพัฒนาความสัมพันธ์ผ่านการสื่อสารและการทำกิจกรรมร่วมกันเป็นประจำ เพื่อนที่ดีจะช่วยให้คุณรู้สึกว่าคุณมีคุณค่า ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิต และช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาของคุณได้
นอกจากนี้ให้คุณระวังการขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่รู้จักกับทั้งสองฝ่าย เพราะอาจทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากใจจากการเป็นคนกลาง หากคุณต้องการใครสักคนที่จะพูดคุยด้วย เลือกคุยกับคนที่ไม่ได้มีอคติ หรืออาจเลือกคุยกับนักบำบัดหรือผู้ให้บริการด้านสุขภาพจิตอื่น ๆ ที่สามารถช่วยให้คุณผ่านพ้นสถานการณ์นั้น ๆ ไปได้
7 วิธีรับมือกับการจบมิตรภาพ
อนุญาตให้ตัวเองเสียใจ
อนุญาตให้ตัวเองได้โศกเศร้าเสียใจเช่นเดียวกับการสูญเสียอื่น ๆ คุณอาจมีหลากหลายอารมณ์ ทั้งความเศร้า โกรธ และแม้กระทั่งความรู้สึกผิด เป็นเรื่องปกติที่จะมีอารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้ ซึ่งคุณต้องใช้เวลาในการประมวลผลมัน ในช่วงเวลาแบบนี้ให้พยายามอยู่กับคนที่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนคุณ
เขียนจดหมายบอกลา
ลองเขียนจดหมายระบาย (โดยไม่จำเป็นต้องส่งถึงเพื่อนเก่าคนนั้นจริง ๆ) ถึงสิ่งที่คุณอยากจะพูดกับเพื่อนเก่าที่คุณเลิกคบแต่ไม่สามารถพูดได้เมื่ออยู่ต่อหน้า รวมถึงเขียนสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณและสิ่งที่คุณจะคิดถึงเกี่ยวกับมิตรภาพนี้ การยอมรับช่วงเวลาดี ๆ อาจช่วยให้คุณชื่นชมความสัมพันธ์ในอดีต และยังช่วยให้คุณปล่อยวางได้อีกด้วย การเขียนระบายเพื่อทบทวนความรู้สึกของตัวเองจะทำให้คุณได้ทำความเข้าใจตัวเองมากขึ้น
มองหาคนที่คอยสนับสนุนคุณ
ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก อย่าลังเลที่จะพึ่งพาเพื่อน ครอบครัว หรือนักบำบัด เพื่อให้พวกเขาสนับสนุนคุณ ลองพูดคุยกับเพื่อนหรือครอบครัวที่เป็นผู้ฟังที่ดีและสามารถให้คำแนะนำหรือเป็นที่พึ่งพิงได้ นอกจากนี้การแบ่งปันความรู้สึกของคุณและรับฟังความเห็นจากคนที่เคยมีประสบการณ์คล้ายกันสามารถทำให้คุณรู้สึกสบายใจและอุ่นใจว่าคุณไม่ต้องเผชิญกับเรื่องราวเหล่านั้นเพียงลำพัง คุณมีคนอยู่เคียงข้าง ดังนั้นอย่าอายที่จะหาการสนับสนุนเพิ่มเติมจากคนอื่น
ใจดีกับตัวเองให้มากขึ้น
การเลิกคบกับเพื่อนหรือแม้แต่การเลิกกับแฟน อาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของคุณได้ ดังนั้นนี่เป็นเวลาที่คุณจะหันกลับมารักและดูแลตัวเองเป็นพิเศษ กลับมาสนใจในสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข หรือลองหางานอดิเรกใหม่ ๆ ที่ช่วยทำให้จิตใจของคุณสงบไม่ฟุ้งซ่าน ออกกำลังกายให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวบ่อย ๆ และให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่โดยรวมของคุณเป็นอันดับแรก การดูแลตัวเองเช่นนี้เปรียบเสมือนได้กลับมามอบความรักและความเห็นอกเห็นใจให้กับตัวเอง เพื่อก้าวผ่านความทุกข์ในใจที่เกิดขึ้นไปได้
ใช้เวลาไตร่ตรองและเรียนรู้เกี่ยวกับตนเอง
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบแม้แต่คุณเอง ดังนั้นอย่ากดดันตัวเองมากเกินไปกับสิ่งที่ผิดพลาด ลองใช้เวลาคิดทบทวนในการจบมิตรภาพนั้น ๆ ไม่ใช่เพื่อตำหนิตัวเอง แต่เพื่อทำความเข้าใจตัวเองว่าคุณสามารถเรียนรู้อะไรได้บ้างจากสถานการณ์นี้ การตรึกตรองถึงตนเองเช่นนี้ไม่ใช่การรู้สึกผิด แต่เป็นการรู้จักตัวเอง ให้คุณเติบโตขึ้น สิ่งนี้สามารถเป็นแนวทางให้คุณหลีกเลี่ยงการเจอปัญหาแบบเดิมไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำกับมิตรภาพใหม่ ๆ ในอนาคต
ปล่อยวางและให้อภัย
การให้อภัยใครสักคนหลังจากที่มิตรภาพแตกสลายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคุณจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ให้คุณปล่อยวางและให้อภัยเพื่อให้ได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากความรู้สึกที่หนักอึ้ง สูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ ปล่อยวางความแค้น และปล่อยให้ตัวเองมีอิสระในการรักษาตัวและก้าวเดินต่อไป
เปิดรับโอกาสใหม่ ๆ
เปิดใจรับประสบการณ์และมิตรภาพใหม่ ๆ เมื่อประตูบานหนึ่งปิด ประตูบานใหม่เปิด การสิ้นสุดของความสัมพันธ์ก็เช่นกัน เมื่อจบสิ่งหนึ่งไปแล้ว สิ่งใหม่ ๆ ก็จะเข้ามาแทนที่ การเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ สามารถนำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นได้ ดังนั้นอย่ากลัวที่จะหาเพื่อนใหม่ ยังมีคนอื่น ๆ ที่พร้อมจะสนับสนุนคุณ การเริ่มบทสนทนากับคนแปลกหน้าอาจดูเป็นเรื่องน่ากลัวเมื่อเป็นผู้ใหญ่ การกล่าวทักทายเพื่อนบ้านอย่างอบอุ่นอาจรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่คุณต้องเป็นคนเริ่มในการลองทักทายคนอื่นดูก่อน
การจบมิตรภาพอาจทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดและสับสน แต่ก็อาจทำให้คุณเติบโตและรู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้น แม้ว่ามันเป็นเรื่องที่ยากแต่บางครั้งมันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำ จำไว้ว่าความเจ็บปวดจากการเลิกคบเพื่อนไม่ได้ทำให้ความจริงใจในความสัมพันธ์ที่คุณเคยมีร่วมกันลดน้อยลง มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่หล่อหลอมให้คุณเป็นคนอย่างทุกวันนี้
Links to related Sites:
- 6 Ways To Deal With Friendship Breakups And Navigate Healing, girlstyle
- When to End a Friendship for the Sake of Your Mental Health, restore-mentalhealth
- Navigating the Pain of Friend Breakups: How to Heal and Move Forward, exploringtherapy
I like to stay at home, writing random stuff and watching series. I enjoy learning new things and exploring new ideas.