4 ขั้นตอนง่าย ๆ เริ่มต้นชีวิตที่ดี ด้วยการคิดบวก +++

เราทุกคนรู้ความแตกต่างระหว่างความคิดในแง่บวกและแง่ลบ มันก็เหมือนกับสีขาวและสีดำ ความดีและความเลว ถูกและผิด ดังนั้นความปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ดี มีมุมมองชีวิตในแง่บวกก็มาจากธรรมชาติในของตัวพวกเราเอง

การมีชีวิตคิดบวก แตกต่างจากการตั้งเป้าหมายหรือความต้องการของตัวเอง หากคุณต้องการสิ่งที่สำคัญในชีวิต อย่างเช่น งาน หรือ เงิน คุณก็อาจจะได้รับสิ่งนั้น แต่มันก็จะมีปัจจัยรอบ ๆ ตัวหลายอย่างที่คุณไม่สามารถควบคุมมันได้ อย่างเช่น เพื่อนร่วมงาน สภาวะทางเศรษฐกิจ ณ ขณะนั้น

โดยที่การมีชีวิตคิดบวกนั้นเราสามารถควบคุมมันได้ตลอดเวลา และเปลี่ยนแปลงมันได้จากภายใน เนื่องจากคุณสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน หรือทำอะไร

โดยเพียงแค่ 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ด้านล่างนี้จะช่วยให้คุณสามารถเดินออกจากความคิดลบ ๆ และเริ่มต้นใหม่รับชีวิตดี ๆ เข้ามา

1.ควบคุม Mindset ของตัวเอง

ช่วงนี้เห็นหลาย ๆ คนมักพูดถึงคำว่า mindset กันบ่อย ๆ ก็เลยลองค้นหาข้อมูลดู เข้าใจว่า mindset ก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ผ่านมาตลอดชีวิตของตัวเอง ส่งผลให้มีความคิด พฤติกรรม หรือการตัดสินใจแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล

ยกตัวอย่างเช่น

เรามักจะตื่นขึ้นมาทุกเช้าด้วยเสียงนาฬิกาปลุก และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดไปทั้งวัน และทำไมเราต้องคิดว่าการตื่นเช้าเป็นสิ่งที่ไม่ดีล่ะ ในเมื่อความทรงจำของเราทำให้นาฬิกาปลุกกลายเป็นตัวกระตุ้นว่าถ้าได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเมื่อไรมันก็จะเชื่อมต่อกับความคิดเชิงลบทันที

ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องงัวเงียและอยากนอนต่อทุกเช้า แต่เราไม่จำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นวันใหม่ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว – 21 วิธี เริ่มต้นวันใหม่ ให้สดใส สุขใจกว่าเดิม แม้ว่าคุณจะบอกกับตัวเองว่ามันโอเค และเป็นเรื่องที่ปกติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามจริงจากการที่เราเคยใส่โปรแกรมทั้งหมดเอาไว้ในความทรงจำด้วยตัวเองว่า การตื่นเช้ามาพบเจอวันใหม่มันเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่ เราก็จะเจอแต่สิ่งที่ทำให้หงุดหงิดไปทั้งวัน

การเปลี่ยนแปลง mindset ของตัวเอง อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย เพราะมันเกี่ยวกับการสร้างกระบวนการทางความคิดใหม่ แต่มันก็เปลี่ยนแปลงได้ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ :

เราอาจบอกกับตัวเองว่า การตอบสนองต่อสิ่งลบ ๆ ในทุกวันเป็นเรื่องปกติที่ไม่สามารถควบคุมมันได้ เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่เราทำไปโดยไม่รู้ตัว แต่ที่จริงมันเป็นเพียงจิตไร้สำนึกที่เราสามารถควบคุมและสร้างโปรแกรมใหม่ให้กับความคิดตัวเองได้

John Bargh ได้อธิบายวิธีการทำงานของจิตไร้สำนึกของคนเราว่าสามารถควบคุมได้ถ้าเราต้องการ ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เราควบคุมแนวความคิดและเปลี่ยนมุมมองสิ่งต่าง ๆ ได้

ดังนั้นก็ให้จำไว้ว่าเรื่องนาฬิกาปลุกก็เป็นเพียงตัวอย่างนิสัยหรือกิจวัตรในชีวิตประจำวันที่คุณสามารถควบคุม mindset ของตัวเองได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้อะไรเลย

หากลองย้อนกลับไปอ่านด้านบนอีกที มันไม่ได้เกิดจากเสียงนาฬิกาปลุกหรอก แต่เกิดจากการที่เราตั้งโปรแกรมการตอบสนองเอาไว้กับความคิดของตัวเองเท่านั้น

ถ้าเราสร้าง mindset ให้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับต่อสถานการณ์เหล่านี้ด้วยความรู้สึกเชิงบวกคุณก็จะทำให้สมองของคุณจดจำความรู้สึกที่ดีขึ้นมาได้

ก่อนอื่นเมื่อถึงเวลาที่ต้องตื่นก็ให้ลุกจากเตียงก่อนไม่ว่าจะเป็นเช้าวันทำงานหรือจะต้องออกไปไหนก็ตาม เพื่อทำในสิ่งที่ต้องการในชีวิต แทนที่จะปล่อยให้นาฬิกาปลุกเตือนจนทำให้คุณนึกถึงแต่สิ่งที่คุณไม่ต้องการ หากทำเช่นนี้ได้ก็จะเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดีเลยทีเดียว

2.ใช้คำพูดในแง่บวก

มันอาจจะฟังดูง่ายเกินไปแค่คำพูดในแง่บวกแล้วจะเป็นจริงได้อย่างไร? แต่การจดจำคำศัพท์ในเชิงบวกจะทำให้เราสามารถบังคับสมองให้ใช้คำพูดในเชิงบวกได้มากกว่าเดิม ซึ่งสิ่งนี้แหละที่จะช่วยให้เรามีที่วิตที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับการที่เราสามารถสร้างโปรแกรมใหม่ให้กับ mindset ของตัวเอง แค่เขียนคำศัพท์ของคุณขึ้นมาใหม่ โดยให้หัดใช้คำพูดในแง่บวกอย่างเป็นธรรมชาติ แนวความคิดของคุณก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

แต่ก็มีนักจิตวิทยาบางคนประเมินว่า ทั้งคำในแง่บวกและลบมันไม่เกี่ยวกับการได้รับความรู้หรือการเรียนรู้ศัพท์ใหม่ ๆ หรอกนะ แต่มันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มีอยู่แล้วภายในจิตใจของแต่ละคนมากกว่า และเมื่อคุณเริ่มใช้คำพูดที่เป็นบวกมากขึ้น ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อวิธีคิดของตัวเอง แต่จะส่งผลดีต่อผู้ที่อยู่รอบข้างตัวคุณด้วย 

เคยสังเกตหรือไม่ว่าคนที่มองโลกในแง่บวกและคนที่มีความสุข มักจะแผ่ออร่าแห่งความสุขของพวกเขาไปยังคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ตัวด้วย  ใครอยู่ใกล้ก็สบายใจ และมักจะได้รับรอยยิ้มไปด้วย รวมถึงเวลาที่สนทนากันในเรื่องดี ๆ ไม่นินทาว่าร้าย คนที่อยู่รอบตัวก็มักจะได้รับพลังงานที่ดีไปด้วยเช่นกัน – 9 วิธีจัดการ คนมองโลกในแง่ลบตลอดเวลา อย่างมีสติ!!

3.โฟกัสถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

Mark Manson ผู้เขียนหนังสือ The Subtle Art of not Giving A F*ck ทำให้หลายคนเชื่อว่า การไม่สนใจอะไรเลย ไม่ได้ทำให้ชีวิตห่างไกลไปจากความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อย

และสิ่งหนึ่งที่ต้องตระหนักก็คือ ในชีวิตคนเราก็จะต้องเจอทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี แต่คุณสามารถควบคุมสิ่งที่ทำให้เกิดผลกระทบกับตัวเองได้

หากคุณกำลังจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ก็ให้ลองมองดูอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของตัวเอง ว่าคุณได้เสียพลังงานลบ ๆ ไปตั้งเท่าไรกับสิ่งที่ไม่สำคัญ และสุดท้ายมันก็ไม่ส่งผลดีกับตัวคุณเอง

ที่จริงแล้วคนเราไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ใจทุกสิ่ง ไม่ควรสนใจในสิ่งที่มีอิทธิพลลบ ๆ กับความรู้สึกตนเอง อย่างเช่น เพื่อนร่วมห้องที่นินทาคุณ หรือความคิดเห็นลบ ๆ ในโซเชียลมีเดีย เพราะในท้ายที่สุดคุณก็ไม่สามารถที่จะชนะทุกด้านของชีวิต และไม่สามารถโฟกัสได้ทุกสิ่งแม้แต่กับพลังงานลบ ๆ ที่อยู่รอบตัวคุณ – 9 ลักษณะของคนที่เป็นพิษ อยู่ด้วยแล้วมีสิทธิ์ชีวิตพัง!!

ลองจัดลำดับความสำคัญว่ามีอะไรบ้างที่สำคัญในชีวิตของคุณ หรือคุณมีความสนใจอะไร ก็ให้มุ่งเน้นทำแต่สิ่งที่สนใจ และเลิกติดตามทุกสิ่งโดยเฉพาะการที่มัวแต่ไปสนใจชีวิตของคนอื่นมากกว่าดูแลความรู้สึกของตัวเอง

4.เรียนรู้ที่จะพูดว่า “ไม่”

เราเข้าใจว่าสำหรับบางคนมันเป็นเรื่องยากที่จะพูดว่า “ไม่” เพราะว่ามันหมายถึงเขากำลังทำให้ใครบางคนผิดหวัง หรือการพูดว่าไม่จะเป็นการปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปหรือเปล่า

แต่สิ่งที่คนมักลืมก็คือ เราไม่สามารถตอบตกลงได้กับทุกสิ่ง เมื่อเราตอบตกลงไปแล้ว ก็จะไม่สามารถพูดอะไรได้อีกเลย อย่างเช่น บางทีเจ้านายของคุณขอให้คุณทำงานที่มีกำหนดส่งอีก 3 สัปดาห์ แต่ให้ทำเสร็จภายในวันพรุ่งนี้ (ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้) การที่เราตอบตกลงในทันทีเพียงเพราะเกรงใจหรือไม่ต้องการให้เจ้านายผิดหวัง มันอาจทำให้คุณเครียดจนเสียสุขภาพจิตมากกว่าเดิม หรือแม้แต่การที่คุณรับปากลูก ๆ ว่าจะเล่นกับพวกเขา แต่ก็ไม่ได้มีเวลาให้กับพวกเขาจริง ๆ มันก็อาจทำให้เด็ก ๆ จำฝังใจว่าผู้ใหญ่คนนี้เป็นคนไม่รักษาสัญญาก็เป็นได้ 

ซึ่งประเด็นที่เราจะพูดก็คือ การที่เราตอบว่า ตกลง หรือ ไม่ตกลง , ได้ หรือ ไม่ได้ ก็ให้เลือกที่จะพูดว่า “ไม่” บ้าง ทุกครั้งที่เราเลือกที่จะทำหรือไม่ทำอะไร ก็ให้คิดอย่างถี่ถ้วนก่อนตอบ มันเป็นเรื่องที่ดีที่คุณสามารถทำทุกสิ่งได้ แต่จะดีกว่าไหมที่เราสามารถเลือกเองได้ และเลือกที่จะไม่ทำ หากมันเป็นสิ่งที่ทำให้คุณไม่สบายใจภายหลัง

ดังนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะปฏิเสธ ด้วยการเข้าใจตัวเองถึงสิ่งที่ต้องการและสิ่งที่ไม่ต้องการ  ความกล้าปฏิเสธนี้จะทำให้คุณสบายใจ ที่สามารถเคารพตัวเองไม่ทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ และมีทางเลือกในการทำอย่างอื่นที่ต้องการจริง ๆ 

การมีชีวิตที่ดีสามารถเริ่มต้นได้จากภายใน และถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่รู้สึกว่าชีวิตเริ่มเปลี่ยนไป (ในทางที่ดีขึ้น) แต่มันก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงจากความคิด ทัศนคติ สู่พฤติกรรมและสิ่งที่ต่าง ๆ ที่ทำให้เป็นตัวคุณที่ดียิ่งขึ้นได้เอง

ที่มา psychologytoday, uvm.edu, The Subtle Art of Not Giving a F*ck, Before You Know It

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *