
การเป็นคนใจดีกับการต้องคอยเอาใจคนอื่นนั้นแตกต่างกัน หากคุณเป็นคนที่คอยตามใจคนอื่นตลอดเวลาเพราะกลัวที่จะถูกเกลียดหรือไม่เป็นที่ยอมรับอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก การที่คนอื่นหลอกใช้คุณเพื่อขอร้องให้คุณทำอะไรบางสิ่งที่อาจทำให้ตัวคุณเดือดร้อนและคุณไม่กล้าปฏิเสธ จนสุดท้ายแล้วคุณได้แต่คิดกับตัวเองว่าครั้งต่อไปจะต้องกล้าปฏิเสธคนอื่นให้หนักแน่นกว่านี้ จะได้ไม่ต้องรู้สึกไม่ดีกับตัวเองภายหลัง การเป็นคนใจดีและช่วยเหลือคนอื่นนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่การเอาใจคนอื่นมากเกินไปอาจทำให้คุณรู้สึกหมดกำลังใจ เครียด และวิตกกังวล
การทำความดี vs การทำตามใจคนอื่น
การทำสิ่งดี ๆ เพื่อความดีกับการทำสิ่งดี ๆ เพราะคุณต้องทำตามใจคนอื่นนั้นแตกต่างกัน ผู้คนมักทำสิ่งดี ๆ ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี เพื่อช่วยเหลือ เพื่อตอบแทน หรือเพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือ หากคุณทำบางสิ่งเพราะกลัวว่าคนอื่นจะไม่ชอบคุณหรือปฏิเสธคุณ แสดงว่าคุณกำลังทำดีเพราะต้องการเอาใจคนอื่น
สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่พยายามทำให้ทุกคนพอใจ
คนที่มีลักษณะของการเป็นคนที่คอยเอาใจคนอื่น (People Pleaser) มักจะมีพฤติกรรมที่เหมือนกันบางประการ เช่น
ไม่กล้าปฏิเสธ
ไม่กล้าปฏิเสธเมื่อถูกคนอื่นร้องขอ และรู้สึกผิดเมื่อต้องปฏิเสธคนอื่น หากคุณพบว่าการปฏิเสธผู้อื่นเป็นเรื่องยากเมื่อพวกเขาขออะไรจากคุณ คุณอาจเป็น People Pleaser หลายคนชอบหาข้อแก้ตัวภายหลังแทนที่จะปฏิเสธตั้งแต่แรก หากคุณเป็นเช่นนั้น คุณอาจเสียใจที่ไม่มีความเข้มแข็งที่จะยืนหยัดเพื่อตัวเอง การที่มัวแต่คิดว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ทำให้คุณไม่กล้าปฏิเสธเพราะจะทำให้พวกเขาคิดว่าคุณใจร้ายหรือเห็นแก่ตัว คุณต้องการให้คนอื่นชอบคุณและรู้สึกว่าการทำบางอย่างเพื่อพวกเขาจะได้รับการยอมรับ
การที่คุณไม่พูดความต้องการของตัวเอง บอกคนอื่นว่าไหวทั้งที่ไม่ไหว หรือแม้ว่าตนเองจะไม่มีเวลาก็ยังรับงานจากคนอื่นมาทำเพิ่มเป็นประจำ การรับภาระหน้าที่ความรับผิดชอบมามากเกินไป ทำให้คุณไม่มีเวลาว่างให้ตัวเองเพราะคุณมักจะทำบางอย่างเพื่อคนอื่นเสมอ
เห็นด้วยกับทุกคน แม้ลึก ๆ แล้วคุณคิดต่างจากพวกเขา
แม้ว่าการเห็นด้วยกับทุกคนที่อยู่ตรงหน้าหรือเรียนรู้ที่จะฟังคนอื่นอย่างสุภาพเป็นส่วนหนึ่งของทักษะทางสังคมที่ทุกคนพึงมี แต่หากคุณเห็นด้วยกับคนอื่นอยู่เสมอเพราะต้องการได้รับคำชื่นชมจากพวกเขา หรือแกล้งทำเป็นเห็นด้วยกับคนอื่นแม้ว่าคุณจะรู้สึกแตกต่าง เนื่องจากไม่กล้าแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับคนอื่นเพราะกลัวไม่เข้าพวก กลัวไม่เป็นที่รักก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก หากคุณละเลยความต้องการของตัวเองและยึดความต้องการของคนอื่นเป็นที่ตั้ง หรือเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณไม่ชอบหรือทำในสิ่งที่คุณไม่อยากทำเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งนี่เป็นสิ่งที่คุณต้องเปลี่ยนหากไม่อยากเป็น People Pleaser
พูดขอโทษบ่อยเกินไปแม้ไม่ใช่ความผิดของคุณ
People Pleaser มักพูดขอโทษบ่อยเกินความจำเป็น หรือแม้แต่การขอโทษแม้ว่าจะไม่ใช่ความผิดของคุณ บุคคลประเภทนี้มักจะทำให้ตัวเองต้องรับผิดชอบต่อการตอบสนองทางอารมณ์ของผู้อื่น หากใครสักคนรู้สึกแย่ คุณอาจตำหนิตัวเองหรือกลัวว่าคนคนนั้นจะคิดว่าคุณเป็นปัญหา การทำเช่นนี้ทำให้คุณมีแนวโน้มว่าจะเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำ หากคุณทำให้ใครบางคนเสียใจ การพูดขอโทษนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่การขอโทษบ่อยเกินไปแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้อาจมีปัญหาที่ลึกซึ้งกว่านั้น
บุคลิกภาพที่เปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับว่าใครอยู่รอบตัวคุณ
People Pleaser มักจะเปลี่ยนพฤติกรรมและทัศนคติของตัวเองให้เข้ากับบุคคลหรือกลุ่มที่คุณอยู่ ซึ่งอาจทำให้คุณแสดงพฤติกรรมที่ไม่ตรงกับบุคลิกหรือมีส่วนร่วมในการกระทำที่คุณไม่เห็นด้วยเพียงเพื่อให้เข้ากับสังคมที่คุณอยู่ได้ People Pleaser มักจะทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง แม้ว่านั่นจะทำให้คุณกลายเป็นคนอื่นหรือไม่เป็นตัวเองก็ตาม
กังวลว่าคนรอบตัวจะคิดกับคุณอย่างไร
หากคุณค่าของคุณขึ้นอยู่กับว่าคนอื่นจะมองคุณอย่างไร People Pleaser มักต้องการการยอมรับจากคนอื่นเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี บุคคลประเภทนี้สามารถทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับคำชมจากคนอื่น ความมั่นใจของ People Pleaser จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับว่าคนอื่นมองว่าพวกเขาเป็นคนอย่างไร
การเป็น People Pleaser อาจทำให้คุณรู้สึก..
การเป็น People Pleaser ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป การเอาใจใส่คนอื่นหรือทำให้คนอื่นพึงพอใจมีความสำคัญอย่างมากในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัว แต่การที่ต้องคอยเอาใจคนอื่นมากเกินไปจะกลายเป็นปัญหาหากคุณพยายามเพื่อที่จะได้รับการยอมรับ เพราะจะทำให้การนับถือในตัวเองต่ำลง ดังนั้นอย่าเกรงใจคนอื่นจนกระทั่งทำให้ตัวเองลำบาก หากคุณทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับการทำให้คนอื่นมีความสุขและตัวคุณก็ได้รับการยอมรับ ทั้ง ๆ ที่เขากำลังเอาเปรียบคุณอยู่ คุณอาจประสบกับผลที่ตามมาดังต่อไปนี้
รู้สึกกังวลและเครียด
ความพยายามที่จะทำให้ผู้อื่นมีความสุขอาจทำให้เหนื่อยทั้งกายและใจ การพยายามจัดการกับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดอาจทำให้คุณต้องเผชิญกับความเครียดและความวิตกกังวล ทั้งกังวลว่าจะสร้างความไม่สบายใจให้คนอื่น หรือเมื่อต้องยืนหยัดเพื่อตัวเอง นอกจากนี้อาจทำให้มีความเครียดเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากภาระผูกพันที่ตนรับไว้ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณได้ การช่วยเหลือผู้อื่นอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพจิตหลายประการ แต่การไม่จัดสรรเวลาให้กับตัวเองอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจากความเครียดที่มากเกินไป
รู้สึกโกรธและหงุดหงิด
แม้ว่าคุณจะเป็นคนชอบช่วยเหลือ แต่คุณก็อาจรู้สึกหงุดหงิดเมื่อต้องทำอะไรอย่างไม่เต็มใจหรือรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ และรู้สึกหงุดหงิดที่ดูเหมือนไม่มีเวลาให้กับตัวเองเลย ความรู้สึกเหล่านี้อาจทำให้คุณไม่อยากช่วยเหลือผู้อื่น เพราะคุณรู้สึกโกรธเคืองที่พวกเขาเอาเปรียบ รวมถึงรู้สึกเสียใจ และสงสารตัวเอง
ความสัมพันธ์เปราะบาง
การพยายามทำตามใจคนอื่นมากเกินไป โดยเฉพาะในเรื่องที่คุณไม่อยากทำบ่อยครั้งเข้าอาจทำให้คุณเกิดความรู้สึกขุ่นมัวในใจ แม้ว่าคนอื่นอาจชื่นชมในความมีน้ำใจของคุณ แต่พวกเขาจะเริ่มมองข้ามความมีน้ำใจและความเอาใจใส่ของคุณไป และรู้เพียงว่าคุณเต็มใจที่จะช่วยเหลืออยู่เสมอและทุกเมื่อที่พวกเขาต้องการ จนในที่สุดในพวกเขาจะมองว่าคุณเป็นคนไร้ค่าและทุ่มเทมากเกินไป โดยที่ตัวคุณเองอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนอื่น ๆ กำลังเอาเปรียบคุณอยู่
ขาดการรู้จักตัวเอง
People Pleaser มักจะปกปิดความต้องการและความชอบของตัวเองเพื่อเอาใจคนอื่น และถูกกดดันว่าต้องเป็นมิตร ใจดี หรือร่าเริงตลอดเวลา ซึ่งทำให้คุณไม่ได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองอย่างแท้จริง หรืออาจถึงขั้นไม่รู้จักตัวเองเลย ความต้องการหรือเรื่องของตัวเองนั้นกลับไม่สำคัญเมื่อเทียบกับเรื่องของคนอื่น การซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงทำให้คนอื่นไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณ การเป็นตัวของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคุณกับคนรอบตัวใกล้ชิดขึ้น
หมดกำลังใจ
การทุ่มเทแรงกายและแรงใจทั้งหมดไปกับการทำให้คนอื่นมีความสุข จะทำให้ความมุ่งมั่นตั้งใจในการบรรลุเป้าหมายของตัวเองลดน้อยลง งานวิจัยบางชิ้นระบุว่าความตั้งใจและการควบคุมตนเองเป็นสิ่งที่มีจำกัด หากคุณให้ในสิ่งที่คนอื่นต้องการ คุณจะแทบไม่เหลืออะไรไว้เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองเลย ความเครียดจากการเอาใจคนอื่นตลอดเวลาจะทำให้คุณพลาดโอกาสในการเพลิดเพลินกับความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การออกไปคาเฟ่ หรือการดูหนังเรื่องโปรด การพยามทำสิ่งต่าง ๆ ที่คนอื่นร้องขอมากเกินไป อาจทำให้คุณไม่มีเวลาผ่อนคลาย และไม่ได้ใช้เวลาเติมเต็มความสุขให้ตัวเอง เนื่องจากความเครียดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วิธีการเอาชนะการเป็น People Pleaser
กำหนดเส้นแบ่งที่ชัดเจน
สิ่งสำคัญคือต้องรู้ขีดจำกัดของตัวเอง กำหนดขอบเขตที่ชัดเจนและเจาะจงว่าคุณเต็มใจจะทำอะไร หากดูเหมือนว่าใครบางคนขอคุณมากเกินไป ให้บอกเขาไปตรง ๆ ว่ามันเกินขอบเขตที่คุณเต็มใจจะทำ ไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่น ๆ ในการกำหนดขอบเขตในชีวิตของคุณเพื่อช่วยควบคุมการเป็น People Pleaser ตัวอย่างเช่น คุณอาจรับสายโทรศัพท์เฉพาะช่วงเวลาที่ตั้งไว้เพื่อกำหนดระยะเวลาในการพูดคุย โดยที่คุณอาจอธิบายด้วยว่าคุณพร้อมให้ความช่วยเหลือเฉพาะช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ
การเปลี่ยนแปลงในทันทีอาจเป็นเรื่องยาก ดังนั้นการเริ่มต้นด้วยการแสดงออกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ไม่ทำให้ตัวคุณเองรู้สึกลำบากใจ จะทำให้เริ่มต้นได้ง่ายกว่า การเปลี่ยนพฤติกรรมดูเป็นเรื่องยาก คุณไม่เพียงแต่ต้องฝึกฝนตัวเองใหม่เท่านั้น แต่ยังต้องพยายามอธิบายให้ผู้คนรอบตัวเข้าใจถึงขีดจำกัดของคุณด้วย การเริ่มต้นด้วยขั้นตอนเล็ก ๆ จะช่วยให้คุณกล้าปฏิเสธคำขอเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนอื่นได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ให้พยายามแสดงความคิดเห็นถึงสิ่งที่คุณต้องการ ตัวอย่างเช่น ลองปฏิเสธคำขอทางข้อความ จากนั้นค่อย ๆ ยกระดับขึ้นจนสามารถปฏิเสธผู้อื่นต่อหน้าได้ ฝึกการปฏิเสธจากสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น เมื่อพูดคุยกับพนักงานขาย สั่งอาหารที่ร้านอาหาร หรือแม้แต่เมื่อต้องติดต่อกับเพื่อนร่วมงาน
ตั้งเป้าหมายและลำดับความสำคัญ
พิจารณาว่าคุณอยากใช้เวลาไปกับอะไร คุณต้องการช่วยใคร คุณกำลังพยายามบรรลุเป้าหมายใด การรู้ลำดับความสำคัญจะช่วยให้คุณกำหนดได้ว่าคุณมีเวลาและพลังงานเพียงพอที่จะทุ่มเทให้กับสิ่งนั้นหรือไม่ หากมีสิ่งใดมาดูดพลังงานของคุณไปหรือใช้เวลาของคุณมากเกินไป ให้แก้ไขปัญหานั้น เมื่อคุณฝึกที่จะกำหนดขอบเขตและปฏิเสธสิ่งที่คุณไม่ต้องการทำจริง ๆ คุณจะพบว่าคุณมีเวลามากขึ้นที่จะทุ่มเทให้กับสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณจริง ๆ
ชะลอเวลา
เมื่อมีคนขอความช่วยเหลือ บอกเขาไปว่าคุณต้องการเวลาคิดสักพัก การตอบ “ใช่” ทันที จะให้คุณปฏิเสธลำบากในภายหลัง แต่การใช้เวลาคิดทบทวนก่อนตอบกลับคำขอ จะทำให้คุณมีเวลาประเมินและตัดสินใจว่านั่นเป็นสิ่งที่คุณต้องการทำจริง ๆ หรือไม่ ก่อนตัดสินใจให้ถามตัวเองว่า
- จะต้องใช้เวลาทำมันนานแค่ไหน
- ฉันต้องการทำสิ่งนี้จริง ๆ หรือไม่
- ฉันมีเวลาทำสิ่งนี้หรือไม่
- หลังจากตอบตกลงไปแล้ว ฉันจะเครียดหรือไม่
นอกจากนี้การวิจัยยังพบอีกว่าการหยุดคิดสักครู่ก่อนตัดสินใจจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจได้อีกด้วย
ประเมินคำร้องขอ
อีกขั้นตอนหนึ่งในการเอาชนะการเป็นคนที่ต้องคอยตามใจคนอื่นคือ การมองหาสัญญาณที่บ่งบอกว่าคนอื่นกำลังพยายามใช้ประโยชน์จากความมีน้ำใจของคุณ มีคนที่ดูเหมือนจะต้องการบางอย่างจากคุณอยู่เสมอ แต่ในทางกลับกันพวกเขาไม่สามารถช่วยคุณได้เมื่อคุณต้องการความช่วยเหลือใช่หรือไม่ หรือบางคนรู้ว่าคุณนิสัยดีมีน้ำใจ ทำให้เขากล้าขอร้องคุณเพราะรู้ว่าคุณไม่มีทางปฏิเสธ หากคุณรู้สึกเหมือนถูกหลอกให้ทำอะไรบางอย่าง ให้ใช้เวลาสักพักในการประเมินสถานการณ์และตัดสินใจว่าคุณต้องจัดการกับคำขอนั้นอย่างไร
หลีกเลี่ยงการหาข้ออ้าง
พูดคำว่า “ไม่” ออกไปตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด ไม่ต้องลงรายละเอียดที่ไม่จำเป็นเกี่ยวกับเหตุผลของคุณ และหลีกเลี่ยงการอ้างภาระหน้าที่อื่น หรือหาข้อแก้ตัวที่คุณไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ เพราะเมื่อคุณเริ่มอธิบายว่าทำไมคุณถึงช่วยพวกเขาไม่ได้ คุณกำลังเปิดโอกาสให้พวกเขาหาข้อบกพร่องในข้อแก้ตัวของคุณ และปรับคำขอร้องคุณให้คุณยังคงทำตามสิ่งที่พวกเขาขอได้
ความสัมพันธ์ที่ดีต้องเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ
ความสัมพันธ์ที่มั่นคงและมีสุขภาพดีต้องมีการตอบแทนกันในระดับหนึ่ง หากฝ่ายหนึ่งให้ตลอดเวลาและอีกฝ่ายก็รับตลอดเวลา นั่นหมายความว่าคนหนึ่งต้องเสียสละสิ่งที่ต้องการเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งได้สิ่งที่ต้องการอยู่ฝ่ายเดียว แม้ว่าคุณจะชอบทำให้คนอื่นพอใจ แต่คุณต้องจำไว้ว่าพวกเขาก็ควรทำบางอย่างเพื่อตอบแทนคุณเช่นกัน หากคุณเป็นฝ่ายให้ตลอดเวลาและพวกเขาคอยรับอย่างเดียว ก็แสดงว่าความสัมพันธ์นี้ไม่สมดุล
ช่วยเหลือเมื่อคุณต้องการช่วย
คุณไม่จำเป็นต้องทิ้งความเป็นคนใจดีมีน้ำใจ สิ่งเหล่านี้เป็นคุณสมบัติที่สามารถนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและยั่งยืนได้ เพียงแค่สิ่งสำคัญคือต้องคอยตรวจสอบแรงจูงใจและความตั้งใจของตัวเอง อย่าทำสิ่งต่าง ๆ เพียงเพราะคุณกลัวการถูกปฏิเสธหรือต้องการการยอมรับจากผู้อื่น ทำสิ่งดี ๆ ต่อไป แต่ต้องทำตามเงื่อนไขของตัวเอง ความใจดีมีน้ำใจเป็นเพียงความปรารถนาดีต่อผู้อื่น ไม่ต้องการความสนใจหรือรางวัลตอบแทน
สุดท้ายนี้ ลองถอยออกมาหนึ่งก้าว และมองดูว่าคุณใช้เวลาและพลังงานส่วนใหญ่ไปกับอะไร จดบันทึกว่าคุณตอบตกลงบ่อยแค่ไหนเมื่อมีคนขออะไรบางอย่างจากคุณ ลองนึกถึงความรู้สึกของตัวเองในช่วงเวลานั้น การสำรวจช่วงเวลาที่คุณไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างชัดเจนจะช่วยให้คุณรับรู้ถึงสถานการณ์เหล่านั้นได้ในอนาคต และรับมือกับสิ่งที่คนอื่นร้องขอให้คุณช่วยแต่คุณรู้สึกลำบากใจได้ดีขึ้น อย่าลืมใช้เวลาในการคิดทบทวน ก่อนที่จะตกปากรับคำกับใคร พยายามใช้พลังงานของคุณไปกับสิ่งที่คุณกำหนดขอบเขตไว้ ที่สอดคล้องกับค่านิยมของคุณและทำให้คุณรู้สึกดี
Links to related Sites:
- How to Stop People-Pleasing, verywellmind
- People pleaser: What it means and how to stop, medicalnewstoday
- What Is a People Pleaser?, webmd
I like to stay at home, writing random stuff and watching series. I enjoy learning new things and exploring new ideas.