จังหวัดสมุทรสงครามเป็นจังหวัดมีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดของประเทศ แต่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติอยู่มากทีเดียว อีกทั้งจังหวัดเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
วัดเพชรสมุทรวรวิหาร
โดยเราจะเริ่มต้นจากการไหว้หลวงพ่อบ้านแหลมที่วัดเพชรสมุทรวรวิหารกันก่อน ที่นี่ตั้งอยู่ที่อ.เมือง ใครที่มาแม่กลองแล้วไม่ได้มากราบไหว้หลวงพ่อบ้านแหลมที่วัดเพชรฯ ก็เหมือนยังมาไม่ถึง หลวงพ่อบ้านแหลมเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมมากราบไหว้ขอพรให้สมปรารถนา ส่วนใหญ่ก็จะมาแก้บนด้วยทองกี่แผ่นก็ว่ากันไป พวงมาลัย ไข่ต้ม ละคร (ต้องมาแก้ช่วงเทศกาล) หรือประทัด ก็แล้วแต่สะดวก ซึ่งผู้เขียนก็เคยขอพรกับหลวงพ่อบ้านแหลมไปหลายรอบเหมือนกัน ศักดิ์สิทธิ์จริง ขอบอกกก!! (๑•̀ㅂ•́)و✧
ซึ่งหากใครเคยได้ยินประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อบ้านแหลมก็คงจะทราบดีว่าหลวงพ่อบ้านแหลมเป็นพระพี่น้องกับหลวงพ่อโสธร (วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา) และหลวงพ่อโต (วัดพลับพลาไชยชนะสงคราม จ.สมุทรปราการ) โดยที่หลวงพ่อบ้านแหลมที่ลอยน้ำมาบริเวณหน้าวัดศรีจำปา หรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่าวัดเพชรสมุทร ชาวบ้านจึงอัญเชิญขึ้นมาไว้ที่วัดแห่งนี้ กลายเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวแม่กลองจวบจนถึงทุกวันนี้
หลวงพ่อบ้านแหลมองค์จริงประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ องค์ด้านหน้า (เวลาปิดทองอย่าลืมเก็บทองมาปิดที่องค์จริงด้วยนะ) เป็นพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร ทำจากทองเหลือง
ตลาดร่มหุบ (ตลาดแม่กลอง)
เมื่อออกมาจากวัดเพชรสมุทรวรวิหาร บริเวณใกล้ ๆ กันเป็นที่ตั้งของตลาดร่มหุบ (ตลาดแม่กลอง) ซึ่งเป็นสถานที่จับจ่ายซื้อของที่น่าหวาดเสียว เพราะเมื่อรถไฟมาร้านค้าที่ตั้งขายอยู่บริเวณรางรถไฟก็จะหุบร่มให้รถไฟวิ่งผ่านตลาด เมื่อรถไฟไปร่มก็จะกาง เหล่าพ่อค้าแม่ค้าก็เข็นของออกมาขายตามรางรถไฟเช่นเดิมใช้ชีวิตกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมาเที่ยวที่ตลาดร่มหุบกันเยอะมาก ส่วนใหญ่ของที่ขายบริเวณรางรถไฟจะเป็นอาหารสด ผัก ผลไม้ มีทอดมันปลาเจ้าอร่อย ลองซื้อไปทอดกินกันดู 🙂
ระหว่างที่เรากำลังยืนซื้อผักกลับไปทำกับข้าวที่บ้าน ก็ได้ยินเสียงประกาศว่ารถไฟกำลังจะออก เลยออกไปยืนรอถ่ายรูป วันนี้โชคดีจริง ๆ ส่วนใหญ่เวลาเรามาตลาดมักจะคลาดกับรถไฟเสมอ ๆ
ปกติแล้วรถไฟจะออกจากสถานีเวลา 6.20 น., 9.00 น., 11.30 น. และ 15.30 น.
และรถไฟจะมาถึงสถานีเวลา 8.30 น., 11.10 น., 14.30 น. และ 17.40 น.
เราเดินออกมาจากด้านในตลาดสด จึงไม่ต้องเบียดกับคนอื่นมากนัก ความกว้างระหว่างรถไฟกับคนที่ยืนถ่ายรูปข้างล่างก็จะกว้างประมาณนึง คืออย่ามีใครผลักฉันออกไปแล้วกัน ฮาาาาา รถไฟจะแล่นช้า ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป และเพื่อความปลอดภัยของคนที่ยืนถ่ายรูปอยู่ด้านล่างด้วย
ชมคลิปวีดิโอได้ที่ด้านล่างนี้เลย
จากนั้นเราก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน ชุ้นพานิช เราสั่งเกี๊ยวหมู และเกี๊ยวปลาอย่างละ 1 ชาม ก่อนที่จะไปแวะสถานที่ถัดไป
วัดช่องลม
หลังจากที่ออกจากตลาดร่มหุบ เราก็มุ่งหน้าไปกันต่อที่วัดช่องลม ที่นี่หาเจอได้ไม่ยากเลย ให้มองหาป้ายอุทยาน ร.2 แล้วขับตามป้ายมา ก่อนถึงแยกเข้าตลาดอัมพวาจะเจอกับหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ เวลาขับรถผ่านจะเห็นหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่เด่นชัดมาก ใครขับรถผ่านมาเส้นนี้ก็อย่าลืมแวะสักการะหลวงปู่ทวดกันล่ะ
เมื่อทำบุญหยอดตู้รับดอกไม้ธูปเทียนแล้ว ก็ขึ้นไปกราบไหว้หลวงปู่ทวดด้านบน พร้อมกับให้หลวงพ่อพรมน้ำมนต์ที่ด้านบนได้เลย
วัดบางกุ้ง
ออกจากวัดช่องลมเราก็แวะไหว้พระที่ วัดบางกุ้ง หรือค่ายบางกุ้ง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยอยุธยา โดยที่วัดแห่งนี้มีจุดเด่นอยู่ที่อุโบสถที่ถูกปกคลุมไปด้วยรากของต้นโพธิ์ ต้นกร่าง และต้นไกร โดยภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อนิลมณี (หลวงพ่อดำ) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโบสถ์น้อย”
นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปหน้าประตูซุ้มต้นไม้แห่งนี้
หลังจากที่ออกมาจากอุโบสถก็มากราบไหว้พระเจ้าตากสินที่ด้านนอก (ใช้ธูปเทียนคนละชุด ถามเจ้าหน้าที่ก่อนได้เน้อ)
และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือรูปปั้นนักมวยไทยจำนวนมาก ที่สื่อถึงความเป็นมาของค่ายบางกุ้งแห่งนี้ เนื่องจากสมัยอยุธยานักรบไทยได้สู้รบกับพม่าอย่างกล้าหาญ และได้ปักหลักตั้งค่ายอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ซี่งรูปปั้นนี้นักท่องเที่ยวก็เดินมาแอคท่าถ่ายรูปกันเยอะเช่นกัน
ที่จริงแล้วที่จังหวัดเล็ก ๆ แห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ได้เล็กเหมือนตัวจังหวัดเลย อย่างที่เราได้เคยเขียนเล่าไปบ้างแล้ว อย่างเช่น ตลาดน้ำบางน้อย ตลาดน้ำท่าคา บ้านเบญจรงค์บางช้าง หรือสถานที่อื่น ๆ ที่เรายังไม่ได้เขียนเล่า อย่างเช่น ดอนหอยหลอด คลองโคน ตลาดเก่า 100 ปีบางนกแขวก ตลาดน้ำอัมพวา ฯลฯ มีอีกมากมายหลายที่ เอาไว้มีโอกาสเหมาะ ๆ จะเขียนเล่าให้ฟังกันอีกทีจ้า