คริสต์มาสในปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์ของซานตาคลอสและช่วงเวลาแห่งความสุข แต่รู้หรือไม่ว่าคริสต์มาสก็มาพร้อมกับด้านมืดเช่นกัน ก่อนที่ซานตาคลอสจะถือกำเนิดขึ้นเพียงไม่กี่ศตวรรษ ชาวยุโรปส่วนใหญ่ถือว่ากลางฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่เหล่าปีศาจจะออกอาละวาด มีปีศาจน่ากลัวโผล่ขึ้นมาในช่วงเทศกาล ก่อความวุ่นวายและลงโทษเด็กที่เกเร ส่วนใหญ่แล้วเรื่องราวเหล่านี้มักถูกเล่าขานเพื่อกระตุ้นให้เด็ก ๆ ทำตัวดีเพื่อที่จะได้รับของขวัญ และนี่คือตำนานวันคริสต์มาสที่น่ากลัวที่สุด

ยักษ์กรีลาและแมวโยล

ตามตำนานของชาวไอซ์แลนด์ ยักษ์กรีลา (Grýla) และแมวโยล (Jólakötturinn หรือ Yule Cat) จะคอยดูแลให้เด็ก ๆ ประพฤติตัวดี 

เรื่องราวของยักษ์กรีลา เป็นสัตว์ประหลาดผสมโทรลล์ที่อาศัยอยู่บนภูเขากับเหล่าลูกชายของเธอ เธออยู่กับสามีคนที่สามของเธอ กล่าวกันว่าเธอกินสามี 2 คนแรกไปเพราะเบื่อ เจ้ายักษ์ตนนี้ชอบจับเด็กเกเรใส่กระเป๋าแล้วต้มพวกเขาทั้งเป็นในสตูว์สุดโปรดของเธอ

ยักษ์กรีลามีลูกชาย 13 ตน เรียกว่า ยูลแลด (Yule Lads) ซึ่งแต่ละตนก็มีชื่อเรียกต่างกัน และมีนิสัยต่างกันออกไป แต่ทุกตนไม่ได้มีนิสัยกินเนื้อคนเหมือนแม่ของพวกมัน  เหล่ายูลแลดจะออกมาได้แค่ในเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น หากออกมาตอนกลางวันเจอแสงอาทิตย์ก็จะกลายเป็นหิน ตามตำนานพวกมันจะไปเยี่ยมเด็ก ๆ ชาวไอซ์แลนด์ในช่วง 13 วันก่อนถึงวันคริสต์มาส ยูลแลดจะวางขนมและของเล่นไว้ให้เด็ก ๆ ที่ประพฤติตัวดีในรองเท้าที่วางอยู่บนขอบหน้าต่างและจะทิ้งมันฝรั่งเน่าไว้ในรองเท้าถ้าเด็กเกเร

นอกจากนี้ยังมีสัตว์เลี้ยงของครอบครัวคือแมวดำยักษ์ชื่อแมวโยล (Jólakötturinn หรือ Yule Cat) มันชอบกินทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แถมยังไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคุณเป็นคนดีหรือไม่ แมวโยลจะได้กินคนแค่ปีละครั้ง ซึ่งวิธีเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการถูกกินจากแมวโยลได้ก็คือ การซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เป็นของขวัญคริสต์มาส

เรื่องเล่าสุดพิสดาร! เปิดตำนาน 13 ซานตาคลอสในไอซ์แลนด์

ปีศาจแครมปัส

ในเทือกเขาแอลป์ของออสเตรียและเยอรมนี ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของนิทานกริมม์อันมืดมน กลับมีแครมปัส (Krampus) อยู่ แครมปัสเป็นปีศาจบ้าคลั่งที่ถูกล่ามโซ่ มีขนที่พันกันยุ่งเหยิง มีเขาแพะ และดวงตาที่ลุกเป็นไฟ

ในวันที่ 5 ธันวาคม คืนก่อนวันฉลองนักบุญนิโคลัส จะมีการเฉลิมฉลองค่ำคืนของแครมปัส หรือที่เรียกว่า Krampusnacht ปีศาจครึ่งแพะก็จะออกอาละวาดบนท้องถนนเพื่อลงโทษเด็กเกเรที่ประพฤติตัวไม่ดี บางตำนานบอกว่าเขาจะฟาดพวกเขาด้วยกิ่งเบิร์ช ในขณะที่บางตำนานบอกว่าเขาจะใช้กระสอบไล่พาคนเลวลงนรก

แม้ว่าประเพณีคริสต์มาสนี้จะพบเห็นได้ทั่วไปในยุโรปกลาง แต่ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าแนวคิดของแครมปัสมีต้นกำเนิดมาจากไหน นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่าเขาเป็นผู้สืบทอดจากอดีตของลัทธิเพแกนในแถบเทือกเขาแอลป์ ซึ่งเน้นช่วงวันเหมายัน (Winter Solstice) และถูกกล่าวหาโดยคริสตจักรคาทอลิก

หากคุณพบแครมปัสระหว่างการเดินทางในยุโรป ก็เป็นธรรมเนียมที่จะต้องเอาใจเขาด้วยเหล้าชแนปส์ แม้ว่าคุณจะไม่สามารถไล่มันไปได้ แต่คุณก็อาจจะรอดพ้นจากการถูกกิ่งไม้ของมันฟาด!

มารู้จักกับฝั่งตรงข้ามของซานต้า…ปีศาจร้าย “Krampus”

เฟรา เพิร์ชตา

ตามประเพณีก่อนคริสต์ศักราช เพิร์ชตา (Frau Perchta) เป็นเทพีแห่งเทือกเขาแอลป์ หลังจากศาสนาก่อนคริสต์ศักราชถูกยกเลิก เธอกลับกลายเป็นแม่มดปีศาจที่คอยตามล่าคนในหมู่บ้าน คอยลงโทษผู้ที่ทำให้เธอไม่พอใจ

กล่าวกันว่าเธอจะปรากฏตัวในช่วง 12 วันก่อนวันคริสต์มาสด้วยชุดสีขาวหรือไม่ก็เป็นหญิงชราขึ้นอยู่กับคนที่พบเจอ หากคุณทำให้แม่มดตนนี้โกรธ เธอจะปรากฏตัวเป็นปีศาจมีเขา หรือบางครั้งก็กลายเป็นหญิงชราผมรุงรัง ขึ้นอยู่กับว่าคุณมองเธออย่างไรและคุณจะทำให้เธอพอใจหรือไม่ ตามเรื่องเล่าหากใครเป็นเด็กเกเร จะถูกแม่มดตนนี้กรีดท้องแล้วแทนที่เครื่องในของคุณด้วยก้อนกรวดและฟาง 

หากคุณซื่อสัตย์ เชื่อฟัง และปฏิบัติตามพิธีกรรมของเธอ เช่น รับประทานอาหารพื้นเมืองและเค้กพิเศษที่อบเพื่อเป็นเกียรติแก่เธอ เพิร์ชตาจะปรากฏให้คุณเห็นในฐานะหญิงสาวที่งดงามดุจเทพธิดา เธอจะไม่ทำอะไรคุณ

กอบลินคาริกันซารี

คาริกันซารี (Kallikantzari) คือ กอบลินที่มักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ใต้ดิน มันทำหน้าที่เลื่อยต้นไม้แห่งชีวิตที่ปกคลุมโลก เพื่อนำหายนะมาสู่โลกให้ได้

คาริกันซารี เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างสูงยาว มีตาสีแดง มีเล็บยาว และหางสีดำ เคลื่อนที่ได้อย่างว่องไว แต่บางครั้งพวกมันถูกอธิบายว่าเป็นสัตว์มีขนสีดำ มีงาและเขา มักเป็นเพศผู้

ในเดือนธันวาคมของทุกปี จะมีเส้นด้ายเพียงเส้นเดียวยึดต้นไม้ไว้ด้วยกัน ช่วงวันคริสต์มาส 12 วัน คาริกันซารีจะต้องขึ้นสู่พื้นโลก และจะกลับลงใต้ดินอีกครั้งในเดือนมกราคม เมื่อต้นไม้ก็ซ่อมแซมตัวเองได้แล้ว และพวกคาริกันซารีก็ต้องเริ่มต้นเลื่อยต้นไม้นี้ใหม่อีกครั้ง

เมื่อขึ้นมาบนพื้นโลก คาริกันซารีจะก่อความเดือดร้อนและสร้างความวุ่นวาย พวกมันจะชอบออกมาในเวลากลางคืน โดยจะกระโดดจากหลังคาบ้านหนึ่งไปยังอีกหลังหนึ่ง และแอบเข้าไปในบ้านผ่านทางปล่องไฟหรือรูกุญแจ หรือเข้าไปในสวนหลังบ้าน สัตว์จำพวกนี้จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ขโมยอาหาร และเหนือสิ่งอื่นใด พวกมันพยายามขโมยเด็กที่เกิดในช่วง 12 วันคริสต์มาสและเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นคัลลิกันซารีเช่นกัน จึงมีความเชื่อว่าสามารถป้องกันเจ้าตัวประหลาดนี้ได้ด้วยการใช้ฟางและกระเทียมมัดทารกแรกเกิดไว้

นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าเราสามารถป้องกันสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่ให้เข้ามาในบ้านด้วยการวางกระชอนไว้นอกประตู คัลลิกันซารีจะถูกบังคับให้นับจำนวนรู แต่เนื่องจากเลขสามเป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ในภาษากรีก พวกมันจึงนับไม่ถ้วนและต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง พวกมันจะใช้เวลาอยู่ที่นี่จนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น จากนั้นบ้านก็จะปลอดภัยจนกระทั่งความมืดมาเยือนอีกครั้ง