ในครั้งนี้รถไฟมาจอดที่หน้าสถานีน้ำตกไทรโยคน้อยเลย ไม่ต้องต่อสองแถวขึ้นมาด้านบน
มีไข่ปิ้งขายด้านหน้าทางเข้า
เราเดินลงไปด้านล่าง เพื่อไปดูว่ามีอะไรขายบ้าง ด้านล่างมีเซเว่นด้วย ใครเจ็บป่วยไม่สบาย ก็มาซื้อยาได้ที่นี่
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็เดินชมน้ำตกที่ชั้นล่าง
เห็นคนมาปูเสื่อนั่งปิกนิกกันเต็มเลย แต่ในน้ำตกก็มีร้านอาหารเยอะอยู่ บรรยากาดี๊ดี ส่วนใหญ่ก็เน้นส้มตำ ไก่ย่าง ไข่ปิ้ง แต่อาหารตามสั่งกับน้ำปั่นก็มีขายอยู่นะ
ถ้าเดินตรงมาจากที่รถไฟจอดอยู่ ก็จะเจอน้ำตกเลย ใกล้มาก
และเมื่อลองเดินขึ้นไปด้านบน ก็จะเจอกับแหล่งต้นน้ำ (ใกล้กับบริเวณที่รถไฟจอดเช่นกัน)
วิวด้านบนก็จะประมาณนี้
รถบริการพาไปดูแหล่งต้นน้ำ จ่ายคุณลุงคนละ 20 บาท จะกลับเมื่อไรก็โทรเรียกให้คุณลุงมารับ ลุงเค้าจะให้เบอร์ไว้ (แต่เราอยากลงไปถ่ายรูปแปป ๆ ก็เลยให้ลุงรอรับกลับเลย)
เส้นทางดูแอดเวนเจอร์หน่อย ๆ ทางขรุขระตัวกระตุก อุก อุก ตลอดทาง 555
บรรยากาศบนต้นน้ำ คนไม่เยอะ มีร้านอาหาร มีน้ำตกให้เล่น
ขากลับคุณลุงก็มาส่งที่เดิม เราก็เดินลงไปด้านล่าง
ลงมาถ่ายรูปเล่นด้านล่าง ภาพรถไฟที่เรานั่งมา
เมื่อรถไฟออก รถแวะจอดต่อขบวนที่ท่ากิเลน มีเวลาลงมายืดเส้น ยืดสาย 10 นาที
คุณลุงที่เป็นเจ้าหน้าที่รถไฟ ก็ทำหน้าที่ขายน้ำดื่มที่ท่ากิเลนกับเขาด้วย แก้วละ 20 บาท หมดเติมได้ฟรี มีทั้งน้ำกระเจี๊ยบ เก๊กฮวย อัญชัน
และเนื่องจากการเดินทางครั้งนี้พอดีเวลาทางรถไฟก็เลยพาแวะที่สถานีกาญจนบุรี ให้นักท่องเที่ยวได้ไปชมสุสานทหารพันธมิตร
ใครอยากไปดูสุสานก็ให้ต่อสองแถวเข้าไป ส่วนเราไม่ได้ไป อยากถ่ายรูปเล่นที่สถานีมากกว่าไปชมสุสาน แบตฯกล้องหมดพอดีเลย
จากนั้นก็นั่งรถไฟยาว ๆ จนถึงกรุงเทพฯ บ้านอยู่ไหนก็ลงสถานีใกล้บ้านได้เลย (ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ดูนะว่าเขาจอดสถานีไหนบ้าง) เราลงสถานีบางบำหรุ สะดวกสุด ๆ ไม่ต้องเดินทางไปถึงหัวลำโพงแล้วอ้อมกลับบ้าน
หากใครอยากเดินทางสะดวกสบาย ไม่ได้รีบร้อนทำอะไร รวมถึงไม่อยากคิดทริปเอง ก็ลองใช้บริการรถไฟขบวนพิเศษกันดูเน้อ ได้บรรยากาศที่แปลกใหม่ไปอีกแบบ สนุกดีเหมือนกัน 🙂
ตารางรถไฟขบวนพิเศษ (ตอนนั้นก็อปมาจากไหนไม่รู้จำไม่ได้แล้ว)