เรื่องเล่าสับปะรด.. ประวัติ การเลือกซื้อ การเพาะปลูก ประโยชน์

Posted On By NO-NON

มีตารอบตัว (รอบตัว รอบตัว) มีตัวลายตา (ลายตา ลายตา) ฮูลล่า ฮุลล่า สับปะรด สับปะรด เอิ้ว ๆ ๆ ๆ !!! เมื่อนึกถึงผลไม้เขตร้อนชื้น สับปะรดเป็นผลไม้ชนิดแรก ๆ ที่คนมักนึกถึง เรามีข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจของสับปะรดมาเล่าให้ฟัง

เรื่องราวของสับปะรด

สับปะรดเป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีถิ่นกำเนิดในบราซิล ปารากวัย และกายอานา สับปะรดมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่มีเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่มีการซื้อขายในตลาดโลก ซึ่งสับปะรดไม่ได้รับความนิยมอยู่แค่ในประเทศต้นกำเนิดเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ชื่นชอบในยุโรปด้วย อาจเป็นเพราะความหวานฉ่ำที่โดดเด่นของผลไม้ชนิดนี้นี่เอง

สับปะรดแพร่หลายทางตอนเหนือของอเมริกาใต้ผ่านอเมริกากลางไปยังหมู่เกาะเวสต์อินดีสซึ่งสับปะรดในอเมริกาใต้มีมาก่อนที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสจะเดินทางมาถึง โคลัมบัสได้รับการต้อนรับจากประชากรในท้องถิ่นด้วยสับปะรดบนเกาะกวาเดอลูปในแคริบเบียนปี 1493 เขาจึงได้นำผลไม้รสหวานไปยังสเปน

การเพาะปลูกสับปะรด

วิธีการเพาะปลูกสับปะรดก็แสนง่าย เพียงแค่นำจุกสับปะรดออก แล้วค่อย ๆ หมุนให้ใบด้านล่างหลุดออก จากนั้นปล่อยให้จุกแห้ง ทิ้งไว้ 2 วันเพื่อไม่ให้จุกสับปะรดที่ดึงออกเน่า นำจุกสับปะรดแช่น้ำทิ้งไว้ จะพบว่ามีรากสับปะรดงอกออกมา เมื่อรากยาวถึง 5 มิลลิเมตร ก็ให้นำต้นกล้าไปปลูกลงในดินได้ ทีนี้ก็รอจนกว่าผลสับปะรดใหม่จะงอก ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 1-3 ปี

การเลือกซื้อสับปะรด

วิธีการเลือกซื้อสับปะรดที่ได้รับความนิยมคือ การดีดไปที่ผลของสับปะรด หากดีดแล้วมีเสียง “แปะ” เวลาดีดนั่นหมายถึง เนื้อข้างในหวาน มีน้ำเยอะ หากดีดไปแล้วเป็นเสียง “โป๊ก” นั่นหมายถึงสับปะรดด้านในมีเนื้อแข็ง เนื้อด้านก็จะมีรสเปรี้ยว นอกจากนี้ยังใช้วิธีการดมกลิ่นได้เหมือนกัน หากมีกลิ่นหอมออกมาด้านนอกนั่นหมายถึงว่า สับปะรดสุกแล้ว สามารถรับประทานได้เลย หากอยากซื้อตุนไว้ก็เลือกสับปะรดที่ไม่ค่อยมีกลิ่นเก็บไว้รับประทานวันหลังได้

อย่างในยุโรปการนำเข้าสับปะรดจะมีการเก็บเกี่ยวที่เร็วกว่ากำหนด สับปะรดจึงมักมีกรดมากและแทบไม่มีกลิ่น ผลไม้จะถูกเก็บก่อนที่จะสุกเพื่อให้มันไม่เน่าในระหว่างที่ขนส่งมาทางเรือ สับปะรดจะไม่สุกหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งต่างจากกล้วยที่สุกเร็ว ด้วยเหตุนี้เมื่อซื้อผลไม้ที่วางจำหน่ายในยุโรปก็เลยอาจไม่มีกลิ่นหอมและไม่ค่อยมีรสหวานเหมือนผลไม้ที่สุกแล้ว ดังนั้นหากซื้อสับปะรดสุกให้นำไปแช่เย็นไว้สัก 2 – 3 สัปดาห์ก่อนรับประทาน แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าช่องแช่แข็งหรือแช่ให้เย็นจนเกินไป

อาหารที่มีส่วนประกอบของสับปะรด

การรับประทานสับปะรด จะทานเนื้อสับปะรดฉ่ำ ๆ เปล่า ๆ หรือนำไปรังสรรค์กับอาหารคาวและหวานที่หลากหลายก็สามารถเข้ากันได้ดี

คนรู้จักสับปะรดในหลายรูปแบบ อย่างในไทย ข้าวผัดสับปะรดก็เป็นที่เลื่องชื่อในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างมาก มีการสันนิฐานว่าข้าวผัดสับปะรดมีต้นกำเนิดมาจากชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เห็นคนไทยกินข้าวกับผลไม้จึงมีการปรับปรุงสูตรจนกลายเป็นข้าวผัดสับปะรดในปัจจุบันนั่นเอง

นอกจากนี้ในบาร์บีคิวย่าง สลัดผลไม้ ในน้ำผลไม้ ในค็อกเทลอย่าง ปิญญาโกลาดา (piña colada) หรือบนขนมปังปิ้งแบบคลาสสิกของฮาวายก็มีส่วนประกอบของสับปะรดเช่นกัน

ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ

สับปะรดไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย สับปะรดอุดมไปด้วยแร่ธาตุ เช่น เหล็ก และแมงกานีส อีกทั้งยังมีวิตามินซี และเบต้าแคโรทีนจำนวนมาก มีเอนไซม์โบรเมลิน ซึ่งทำลายโปรตีนและช่วยเสริมในเรื่องการย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และลดความดันโลหิตอีกด้วย

สับปะรดมีแคลอรีต่ำแต่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง

หากรับประทานสับปะรด 1 ถ้วย จะให้สารอาหารดังนี้…

วิตามินซี : คุณจะได้รับวิตามินซีประมาณหนึ่งในสามของปริมาณวิตามินซีที่แนะนำต่อวัน ซึ่งช่วยในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ วิตามินซีจะช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และอาจช่วยต้านมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคข้ออักเสบ

แมงกานีส : สับปะรดมีธาตุที่จำเป็นนี้มากกว่า 100% ของปริมาณที่แนะนำต่อวันของคุณ แมงกานีสช่วยในการสร้างกระดูก การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน และการเผาผลาญอาหาร

ไฟเบอร์ : เกือบ 10% ของความต้องการไฟเบอร์ในแต่ละวันอยู่ในสับปะรด 1 ถ้วย ไฟเบอร์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลำไส้ที่แข็งแรงและสามารถช่วยยับยั้งความหิวได้

วิตามินบี : สับปะรดให้วิตามินบีหลายชนิดที่ดีต่อสุขภาพ รวมทั้งไทอามิน ไนอาซิน บี6 และโฟเลต นอกจากนี้ยังมีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงใหม่ ซึ่งจะนำออกซิเจนไปยังอวัยวะและเนื้อเยื่อของคุณ

แร่ธาตุต่าง ๆ : สับปะรดมีแร่ธาตุหลายชนิดที่ร่างกายต้องการเพื่อการทำงานที่เหมาะสม ทั้งทองแดง โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมการรักษาเนื้อเยื่อ

สับปะรดเป็นผลไม้ชนิดเดียวที่มีโบรมีเลน ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยให้ผิวและเนื้อเยื่อของคุณสมานตัว ช่วยผลิตสารที่ต่อสู้กับความเจ็บปวดและช่วยลดบวมได้ โบรมีเลนจากสับปะรดอาจช่วยรักษาผิวหนังหลังผ่าตัดหรือการบาดเจ็บ

แน่นอนว่าการรับประทานสับปะรดไม่ได้รับประกันว่าจะทำให้เราปลอดโรคต่าง ๆ  แต่การรับประทานผักและผลไม้หลากสี ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีในการช่วยป้องกันมะเร็งและภาวะสุขภาพอื่น ๆ ได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *