ความแตกต่างของ ‘ส้มสีเลือด’ และ ‘เกรปฟรุต’ สองผลไม้อร่อยดีมีประโยชน์

ความแตกต่างหลัก ๆ ระหว่าง ส้มสีเลือด (Blood Orange) กับ เกรปฟรุต (Grapefruit) คือ ส้มสีเลือดเป็นส้มสายพันธุ์หนึ่งซึ่งก็ตรงตัวตามชื่อของมัน ในขณะที่เกรปฟรุตนั้นเป็นลูกผสมระหว่างส้มกับส้มโอนั่นเอง

ทั้งส้มสีเลือดและเกรปฟรุตต่างก็มีชื่อเสียงในด้านรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แม้ว่าส้มสีเลือดจะมีความเปรี้ยวที่แสบลิ้น แต่ก็มีรสชาติหวานด้วยเช่นกัน ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถอธิบายรสชาติของส้มสีเลือดได้ว่ามีรสชาติที่ผสมกันของส้ม ราสเบอร์รี และแครนเบอร์รีอยู่ ส่วนเกรปฟรุตนั้นเป็นที่รู้กันดีว่ามีรสชาติขมฝาด ๆ ปนอยู่

ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักส้มสีเลือด และ เกรปฟรุต รวมไปถึงความแตกต่างของผลไม้สองชนิดนี้กัน

ส้มสีเลือด (Blood Orange) คืออะไร

ส้มสีเลือดเป็นส้มสายพันธุ์หนึ่งที่มีเนื้อสีแดงเข้ม คล้ายกับสีของเลือดซี่งตรงตามชื่อของผลไม้ชนิดนี้ โดยสีที่ปรากฏนั้นมาจากแอนโทไซยานินซึ่งเป็นสารสีที่พบได้ทั่วไปในดอกไม้ แต่หาได้ยากในกลุ่มผลไม้รสเปรี้ยวหรือ Citrus Fruits เมื่อมองจากภายนอกแล้ว ส้มสีเลือดก็ดูเหมือนส้มทั่วไปที่มีเปลือกสีส้มสวย ๆ แต่พวกมันมีรสชาติที่หวานกว่า และมีเมล็ดน้อยกว่าส้มชนิดอื่น นอกจากนี้เปลือกของส้มสีเลือดยังปอกได้ยากกว่าด้วย อย่างไรก็ตามรสชาติของส้มสีเลือดนั้นมีความผสมผสานกันของส้มและราสเบอร์รี ในขณะที่มีความเป็นกรดหรือรสเปรี้ยวที่น้อยกว่าส้มสะดือ (Navel orange) แต่ก็ยังมีรสชาติของความเปรี้ยวแสบลิ้นอยู่

ที่มาของส้มสายพันธุ์นี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าส้มสีเลือดเกิดจากการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติของส้มที่มีรสหวาน (Sweet oranges) ในปัจจุบันแหล่งที่มาหลักของส้มสีเลือดคือที่ประเทศอิตาลี โดยฤดูเก็บเกี่ยวนั้นอยู่ระหว่างช่วงฤดูหนาว

ส้มสีเลือดมีวิตามินซีสูง และมีคุณสมบัติด้านการต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวกับซิตรัสฟรุตชนิดอื่น ๆ

เกรปฟรุต (Grapefruit) คืออะไร

เกรปฟรุตเป็นผลไม้รสเปรี้ยวกลมโตสีเหลืองส้มที่มีเนื้อฉ่ำรสเปรี้ยว เป็นลูกผสมระหว่างส้มหวานกับส้มโอ แต่มีขนาดเล็กกว่าส้มโอ และใหญ่กว่าส้ม เดิมทีมีการเพาะปลูกอยู่ในบาร์เบโดส (Barbados) ประเทศที่เป็นเกาะเล็ก ๆ ในแถบทะเลแคริบเบียน แต่ในปัจจุบันมีการปลูกเกรปฟรุตอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ในส่วนของรสชาตินั้น เกรปฟรุตเป็นที่ทราบกันดีว่ามีความขมที่ฝาดลิ้นปนอยู่

เนื้อด้านในของผลไม้ชนิดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่สีเหลืองซีดไปจนถึงสีชมพูเข้ม ความหวานของเกรปฟรุตนั้นก็แตกต่างกันไปตามสีด้านในของผลไม้ แต่เกรปฟรุตทุกสายพันธุ์ต่างก็มีรสชาติขม ๆ ที่กลมกล่อม

คุณสามารถทานเกรปฟรุตแบบสด ๆ ได้เหมือนกับที่ทานส้มชนิดอื่น ๆ อย่างเช่น ส้มคลีเมนไทน์ หรือ ส้มแมนดาริน นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มเกรปฟรุตลงไปในสลัดได้ด้วย แม้ว่าเกรปฟรุตจะไม่มีรสหวานอย่างส้ม แต่ก็ยังมีคนนำมาใช้สำหรับทำขนมหวานอยู่เหมือนกัน

ความแตกต่างระหว่าง

ส้มสีเลือด (Blood Orange) และ เกรปฟรุต (Grapefruit)

คำนิยาม – ส้มสีเลือดคือส้มสายพันธุ์พิเศษ (มาจากการกลายพันธุ์ของส้มต่าง ๆ) มีเนื้อสีแดงเข้ม ในขณะที่เกรปฟรุตเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวลูกกลมโตสีเหลืองส้ม มีน้ำฉ่ำ ๆ รสเปรี้ยว

ความเป็นส้ม – ส้มสีเลือดมีสีคล้ายเลือดตรงตัวตามชื่อของตัวเองเพื่อบ่งบอกว่าเป็นส้มสายพันธุ์หนึ่ง ในขณะที่เกรปฟรุตเป็นลูกผสมระหว่างส้ม และ ส้มโอ

รสชาติ – เราสามารถอธิบายรสชาติของส้มสีเลือดได้ว่ามีรสชาติที่ผสมกันของ ส้ม ราสเบอร์รี่ และแคนเบอร์รี่ ในขณะที่เกรปฟรุตนั้นมีรสชาติขม ฝาดลิ้นปนอยู่

เนื้อด้านใน – ส้มสีเลือดมีเนื้อชั้นในสีแดงเข้ม หรือสีแดงเลือดเข้ม ๆ ในขณะที่ทางฝั่งของเกรปฟรุตมีสีหลากหลายต่างกันออกไป ตั้งแต่สีเหลืองซีดจนถึงสีชมพูเข้ม

ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่า ส้มสีเลือดคือส้มสายพันธ์ุหนึ่ง ส่วนเกรปฟรุตคือการผสมกันระหว่างส้มและส้มโอ ในส่วนของรสชาตินั้นส้มสีเลือดจะมีรสคล้ายกับส้ม ราสเบอร์รี่ และ แคนเบอร์รี่ ผสมกัน แต่เกรปฟรุตมีรสชาติขมฝาดลิ้นที่เฉพาะตัวปนอยู่ด้วย ทั้งหมดนี้ก็คือความแตกต่างกันระหว่างส้มสีเลือด และ เกรปฟรุต

“ส้มแมนดาริน” สัญลักษณ์ของความโชคดี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *