เวนดิโก (Wendigo) เป็นสัตว์ประหลาดกินเนื้อในตำนาน กล่าวกันว่าเวนดิโกเกิดขึ้นมาจากจิตวิญญาณจากชนเผ่าที่พูดภาษาแอลกองเควน (Algonquian) ในอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นตระกูลหนึ่งของภาษาอินเดียแดง
เวนดิโกมีความเกี่ยวข้องกับฤดูหนาว จึงถูกเรียกว่าเป็นสัตว์ประหลาดกินเนื้อในฤดูหนาว ความน่ากลัวของมันคือ เป็นสัตว์ร้ายที่ชอบสะกดรอยตามและกินมนุษย์ หรือเป็นวิญญาณที่เข้าสิงมนุษย์ ทำให้คนที่ถูกเข้าสิงกลายเป็นมนุษย์กินคน
เรื่องเล่าเวนดิโกจากตำนานพื้นบ้าน
บางตำนานกล่าวว่าเวนดิโกมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่ผอมเพรียว มีเนื้อติดขี้เถ้า บางคนอธิบายว่ามันเป็นสัตว์ขนาดยักษ์ที่สูงได้ถึง 15 ฟุต (4.5 เมตร) มีเบ้าตาลึกและดำมืด มีเขี้ยวและเล็บสีเหลืองแหลมคม ริมฝีปากของมันถูกเคี้ยวจนขาดเพราะว่ามันกัดกินเข้าไป มันอาจมีหรือไม่มีขน อาจมีหูแหลม และมีเขาเหมือนกวาง มนุษย์จะสังเกตเห็นว่าเจ้าตัวนี้คือเวนดิโกได้จากกลิ่นเน่าเปื่อยที่มาจากตัวมัน
เชื่อกันว่าเวนดิโกสมีสายตา, การได้ยิน, และการรับรู้กลิ่นที่เฉียบคมเป็นพิเศษ รวมถึงมีความแข็งแกร่งและความว่องไวที่ทำให้มันสามารถสะกดรอยตามและล่าเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าเวนดิโกอาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่เย็นอยู่ในป่าลึกและทะเลสาบของประเทศแคนาดาและทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา จึงทำให้พวกมันสามารถฝ่าหิมะและน้ำแข็งได้อย่างง่ายดาย หมอผีอาจเป็นคนเดียวที่สามารถปราบและทำลายเวนดิโกได้ด้วยการใช้กระสุนเงิน, เหล็ก หรือกริช แต่ในบางตำนานก็กล่าวว่า วิธีกำจัดเวนดิโกคือต้องยิงหรือแทงที่หัวใจ หรือไม่ก็เผาในกองไฟจะทำให้วิญญาณของมันจะถูกปราบอย่างแท้จริง
บางครั้งเวนดิโกถูกอธิบายว่าเป็นวิญญาณมากกว่าการมีอยู่ทางกายภาพ อย่างในตำนานครี (Cree mythology) เชื่อกันว่าเวนดิโกเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่เข้าสิงมนุษย์ วิญญาณจะสิงมนุษย์ได้ก็ด้วยการกัดหรือเข้าไปในความฝัน คนที่ถูกเข้าสิงจะกลายเป็นคนกินเนื้อคนหรือมีอาการวิกลจริต จะรู้สึกอดอยากและหิวโหย
ความเชื่อที่ (อาจ) มีอยู่จริง
ตำนานเวนดิโกมีอยู่ในประวัติศาสตร์ตามบอกเล่าของชนเผ่าในอเมริกาเหนือก่อนที่ชาวยุโรปมาตั้งรกรากที่นี่ นักมานุษยวิทยาบางคนเชื่อว่าตำนานนี้มีขึ้นเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้คนหันมาให้ความสำคัญกับชุมชนของตนเองในการป้องกันความโลภ, ความเห็นแก่ตัว และความโดดเดี่ยวของผู้คน เวนดิโกเป็นตัวตนของความหนาวและความหิวโหย จึงอาจเปรียบได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มนุษย์ต้องการอยู่รอด ซึ่งสิ่งนี้ต้องอาศัยการรวมกลุ่มและแบ่งปันทรัพยากรซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวอันยาวนานและโหดร้ายของพื้นที่ทางตอนเหนือ ตำนานนี้อาจทำหน้าที่เป็นคำเตือนแก่เด็ก ๆ ไม่ให้เดินเข้าไปในป่าลึกจนเกินไป
แต่เรื่องราวที่ถูกเล่าต่อ ๆ กันมาก็อาจมีเรื่องจริงอยู่บ้าง เนื่องจากมีคดีเกี่ยวกับการฆาตกรรมและการกินเนื้อคนในอเมริกาเหนือจึงถูกโยงว่าเป็นฝีมือของเวนดิโก ยกตัวอย่างคดีของ สวิฟต์ รันเนอร์ (Swift Runner) ลูกเรือชาวอินเดีย ที่ได้ฆ่าภรรยาและลูกทั้งห้าคน โดยนำเนื้อมาปรุงและกินเป็นอาหาร เมื่อสวิฟต์ถูกจับกุมเขาอ้างว่าวิญญาณเวนดิโกมาเข้าฝันและบอกให้เขากินครอบครัวของเขา เขาถูกตัดสินในคดีฆาตกรรมว่ามีความผิด และถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในปลายปีนั้น
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 คำว่า “โรคจิตเวนดิโก” ถูกใช้โดยนักจิตวิทยาและมิชชันนารีเพื่ออธิบายกลุ่มอาการที่ผูกพันกับวัฒนธรรมในหมู่ชนพื้นเมือง ซึ่งอาการดังกล่าวรวมถึงการหลงผิดของการถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิง ความหดหู่ ความรุนแรง การบังคับของมนุษย์ รวมถึงการกินเนื้อคน กลุ่มอาการนี้ยังได้รับการวินิจฉัยย้อนหลังไปในกรณีประวัติศาสตร์ของการกินเนื้อคนในอเมริกาเหนือว่าเป็นเวนดิโก ในปี 1907 ทางตอนเหนือของรัฐออนแทรีโอ แจ็ค ฟิดด์เลอร์ (Jack Fiddler) และน้องชายของเขาโจเซฟ ฟิดด์เลอร์ (Joseph Fiddler) ผู้ซึ่งเป็นหมอผีประจำชนเผ่าถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมลูกสะใภ้ของโจเซฟ โดยใช้วิธีรัดคอเธอจนเสียชีวิตเนื่องจากไม่อยากให้เวนดิโกเข้าสิง หลังถูกจับกุมแจ็คหนีตำรวจและรัดคอตัวเอง ส่วนโจเซฟเสียชีวิตจากวัณโรคในเรือนจำในปี 1909
ปัจจุบันเรื่องราวของเวนดิโกยังคงกลายเป็นตำนานเล่าขานเกือบทุกยุคสมัย ศิลปินและนักเคลื่อนไหวชนพื้นเมืองได้ใช้ตำนานเวนดิโกผ่านการบอกเล่าเรื่องราวเพื่อเปรียบเทียบกับประเด็นต่าง ๆ ในสังคม ทั้งเรื่องลัทธิล่าอาณานิคม ความรุนแรง และการทำลายสิ่งแวดล้อม ก็ล้วนแต่มีความเชื่อมโยงกับเรื่องราวของเวนดิโกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
Links to related Sites: - wendigo, britannica - Swift Runner, murderpedia - The Deeper Significance of Wendigo Stories, facinghistory
I like to stay at home, writing random stuff and watching series. I enjoy learning new things and exploring new ideas.