“Schadenfreude vs Freudenfreude” สะใจเมื่อคนอื่นพลาด สุขใจเมื่อคนอื่นได้ดี

คนเรามักถูกคาดหวังให้แสดงความรู้สึกต่อผู้อื่นอย่างสุภาพ แต่ถ้าคุณแอบสะใจเวลาเห็นคนอื่นพลาดล่ะ? คำว่า Schadenfreude [ʃɑː:dən-frɔɪ-də] คงสื่อความหมายของสถานการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี บทความนี้มาพร้อมกับวิธีเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนที่ร่วมยินดีกับความสุขความสำเร็จของคนอื่นหรือ Freudenfreude [frɔɪ-dən-frɔɪ-də] 

Schadenfreunde คืออะไร?

การค้นหาความสุขจากความโชคร้ายและความล้มเหลวของผู้อื่นนั้น เป็นความมักง่ายของมนุษย์ทั่วไป เราได้ยินคำนี้ถูกใช้บ่อย ๆ ทางด้านจิตวิทยา สังคมวิทยา และในชีวิตประจำวัน โดยคำนี้มีต้นกำเนิดในศตวรรษที่ 18 และมีการบันทึกครั้งแรกเป็นภาษาอังกฤษในปี 1845 โดยไม่ต้องเขียนขึ้นต้นด้วยอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ตามมาตรฐานของเยอรมัน คำว่า Schaden หมายถึง ความเสียหายหรือความเจ็บปวด และคำว่า Freude หมายถึง ความสุข 

ดังนั้นคำว่า “Schadenfreude” จึงหมายถึง ความพึงพอใจหรือมีความสุขจากความโชคร้ายหรือความทุกข์ทรมานของผู้อื่น 

แม้คำว่า “อิจฉา” จะเป็นคำที่ใกล้เคียงกับคำว่า Schadenfreude แต่ก็ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน เพราะความอิจฉาเป็นอารมณ์ของมนุษย์ที่มีทั้งแง่ลบและแง่บวก แต่คำว่า Schadenfreude มักให้ความหมายที่เป็นลบเสมอ มันเป็นสิ่งที่คนเรารู้สึกได้บ่อยครั้งเมื่อเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น และทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนไป เป็นความรู้สึกที่ ถ้าเราไม่ได้ เราก็ไม่อยากให้ใครได้รับเช่นกัน และเราก็เริ่มหวังให้อีกฝ่ายไม่มีความสุข ล้มเหลว และไม่พึงพอใจในชีวิตของตัวเอง 

ลองคิดดูว่าตัวเราเคยหัวเราะเยาะใครบางคนเมื่อพวกเขาได้รับบาดเจ็บ มีความสุขเมื่อเห็นใครบางคนที่คุณไม่ชอบถูกไล่ออกจากงาน ยิ้มเมื่อคุณได้ยินว่ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับคนที่คุณไม่ค่อยชอบ คนส่วนใหญ่เคยรู้สึกแย่เมื่อพบว่าคนอื่นโชคดีหรือได้รับโอกาสที่ดีกว่า แต่ถึงอย่างไรความรู้สึก Schadenfreude ก็ยังถือว่าเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา ซึ่งเกิดขึ้นได้จากความรู้สึกต่ำต้อยหรือเกิดจากความรู้สึกกลัวนั่นเอง 

Freudenfreude คืออะไร?

ส่วนคำว่า “Freudenfreude” เป็นการผสมผสานระหว่างคำภาษาเยอรมันด้วยคำว่า Freuden และ Freude ซึ่งทั้งสองคำหมายถึงความเพลิดเพลินหรือความยินดี Freudenfreude จึงมีความหมายตรงกันข้ามกับ Schadenfreude คือความรู้สึกมีความสุขและเพลิดเพลินในความสำเร็จของผู้อื่น

นักจิตวิทยากล่าวว่า การที่มีคนประเภท Freudenfreude หรือคนที่ยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่นอยู่รอบ ๆ ตัว สามารถยกระดับความสัมพันธ์ของคุณกับคนประเภทนี้ได้มากกว่าการประนีประนอมกับคนประเภท Schadenfreude

จากการวิจัย วิธีที่ดีในการมองหาคนประเภท Freudenfreude ให้มองหาสัญญาณของความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่นักจิตอายุรเวท ดร.เอมี่ ดารามุส (Aimee Daramus) กล่าวว่าเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดี กล่าวคือ ให้มองหาคนที่มีความรู้สึกร่วมไปกับชัยชนะของคุณ จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นกับพวกเขา

แม้ว่า “การพึ่งพาคนอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือในยามจำเป็น” บ่งบอกว่าการขอความช่วยเหลือส่วนใหญ่จำเป็นแค่ตอนที่มนุษย์กำลังเผชิญสถานการณ์ยากลำบากเท่านั้น สิ่งนี้ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะการเฉลิมฉลองความสำเร็จและมีความสุขร่วมกันก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เป็นเรื่องดีที่มีคนที่พร้อมจะช่วยจัดการปัญหาและความเครียดของเรา แต่เราก็จำเป็นต้องมีคนที่ร่วมยินดีไปกับความสำเร็จของกันและกันด้วย

เปลี่ยนความรู้สึกจาก Schadenfreude เป็น Freudenfreude

ดร. ดารามุสกล่าวว่า ใคร ๆ ก็สามารถเรียนรู้ความสัมพันธ์แบบ Freudenfreude ได้ ให้ลองเริ่มต้นด้วยการบอกให้คนที่คุณรักรู้ว่าคุณภูมิใจและมีความสุขกับพวกเขา และยิ่งคุณแสดงความรู้สึกเหล่านั้นออกมามากเท่าไร คุณก็จะยิ่งเชี่ยวชาญกับการร่วมยินดีไปกับผู้อื่นมากเท่านั้น ทัศนคติของคุณจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเมื่อให้ความสนใจกับสิ่งดี ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นมากพอกับสิ่งเลวร้าย

นักจิตวิทยาคลินิก ดร.รามานี ดูร์วาซูลา (Ramani Durvasula) กล่าวว่า การเปลี่ยนกรอบความคิดนี้สะท้อนถึงประโยชน์ที่คุณจะได้รับ เมื่อเรามีความยินดีอย่างแท้จริงต่อความสำเร็จของใครบางคน พวกเขาไม่เพียงแต่จะเพลิดเพลินกับความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังสร้างสายใยที่ถักทอสังคมของผู้คนที่จะอยู่เคียงข้างคุณเมื่อคุณประสบความสำเร็จ

หากต้องการฝึกฝนให้มีจิตสำนึกแบบ Freudenfreude ก่อนอื่นให้สังเกตแล้วจดบันทึกถึงสิ่งดี ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นกับคนรอบตัวคุณ สิ่งสำคัญคือ ไม่มีความสำเร็จไหนที่เล็กเกินไป หาความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณสามารถชื่นชมและจดจำข้อดีของคนที่อยู่รอบ ๆ ตัว สิ่งนี้อาจสร้างแรงจูงใจได้มากพอที่จะมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จต่อไปได้

ดร. ดูร์วาซูลา กล่าวอีกว่า หากไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ก็อาจจะเริ่มต้นด้วยคำถามในการสนทนา เช่น วันนี้มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นบ้าง

เมื่อเราได้รู้ถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนอื่น ที่พวกเขาเองก็มีความสุขไม่น้อยไปกว่ากัน ให้ลองขยายความหมายของคำว่า Freudenfreude ให้มากขึ้นด้วยการกำหนดเวลาเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จอันล้ำค่าเหล่านั้น สิ่งนี้ไม่เพียงแค่แสดงให้เพื่อนของคุณเห็นว่าคุณภูมิใจในตัวพวกเขา แต่ยังสร้างสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นรอบตัวเราด้วย

ฝึกฝนเพิ่มเติมเพื่อให้มีกรอบความคิดแบบ Freudenfreude 

  • รับรู้ความรู้สึกของคุณ รู้เท่าทันอารมณ์และความคิดลบ ๆ ของตัวเอง ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงมันให้เป็นคนที่คิดดีต่อคนอื่นได้มากขึ้น
  • เลือกที่จะแสดงความรู้สึกเชิงบวก แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากก็ตาม
  • บอกคนที่คุณรักว่าคุณภูมิใจในตัวพวกเขา พูดอวยพรให้พวกเขาประสบความสำเร็จ
  • แสดงความรู้สึกขอบคุณ บอกคนอื่นว่าคุณชื่นชมพวกเขา เช่น “ขอบคุณที่รับฟัง” , “ดีใจมากที่เธอมาหาฉัน”
  • ชื่นชมกับความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวันเป็นสิ่งสำคัญ
  • ใช้คำพูดที่ใจดีและให้กำลังใจต่อกัน รวมถึงพยายามพูดถึงผู้อื่นในแง่บวก
  • ใส่ใจกับประเภทของคำถามที่ถามเพื่อนและครอบครัว เน้นถามคำถามเชิงบวก ไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัดที่ต้องตอบ เช่น “เล่าสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในที่ทำงานวันนี้ให้ฟังหน่อยสิ”, “วันนี้อะไรทำให้คุณมีความสุข”, “เรื่องไหนที่รู้สึกภูมิใจในตัวเอง”

สุดท้ายนี้สำรวจความรู้สึกของตัวเองเมื่อได้ยินเรื่องราวของคนอื่นว่าตัวคุณเองรู้สึกอย่างไร อาจจะแค่แสดงความยินดี หรือเลือกหาเวลาจัดงานปาร์ตี้เล็ก ๆ เพื่อเฉลิมฉลอง หรือคุณอาจจะเขียนจดหมายแสดงความรู้สึกจากใจ และอย่าลืมว่าจงเลือกอยู่ท่ามกลางคนที่ต้องการให้คุณได้รับสิ่งที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง เลือกคบคนที่ร่วมยินดีไปกับช่วงเวลาดี ๆ และร่วมแสดงความเสียใจกับคุณในช่วงเวลาที่คุณเจอเรื่องแย่ ๆ รวมถึงถอยห่างออกจากคนที่ไม่อยากเห็นคุณได้ดีไปกว่าเขาและปรารถนาที่จะเห็นคุณโชคร้าย 🙂

Links to related Sites: 

- Schadenfreude vs. Freudenfreude, grammar
- Which is Worse: Professional Schadenfreude or Freudenschade, recruiter
- ‘Freudenfreude’ Is the Joyful Opposite of ‘Schadenfreude’ That Can Level Up All Your Relationships, wellandgood
- What is 'freudenfreude' and can it really make you happier?, womenshealthmag

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *