ภาพยนตร์แต่ละเชื้อชาติมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ภาพยนตร์อินเดียก็เช่นกัน ไม่เพียงแต่มีเพลงสไตล์อินเดียที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่ยังสอดแทรกวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ไว้ภายในหนังอินเดียอีกด้วย หากได้ลองดูสักเรื่องนึงแล้ว จะต้องติดใจ และต้องหาดูเรื่องที่สอง สาม สี่ ฯลฯ ตามมาแน่นอน
และภาพยนตร์ทั้ง 5 เรื่องที่เราได้แนะนำเลือกหยิบยกมาแนะนำในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่เราดูแล้วรู้สึกประทับใจเลยอยากบอกเล่าให้คนที่ไม่เคยดู หรือคนที่กำลังหาภาพยนตร์สนุก ๆ ดูได้ลองดูกัน
1. Taare Zameen Par
เรื่องราวของอิชานเด็กชายผู้ที่มีปัญหาด้านการอ่านหนังสือ ทำให้เขาสอบตกทุกครั้ง อิชานมักถูกคุณครูและพ่อของเขาว่ากล่าวบ่อยครั้ง รวมถึงการที่อิชานมีพี่ชายที่เก่งรอบด้าน ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถมากพอ เมื่อผลการเรียนไม่ดีขึ้นพ่อของอิชานจึงส่งอิชานไปอยู่โรงเรียนประจำ จนได้เจอกับ “ราม” (รับบทโดย อาเมียร์ ข่าน) ครูสอนศิลปะที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตอิชาน ครูคนนี้พบปัญหาที่แท้จริงที่เกิดกับอิชาน ทำให้ครอบครัวของอิชานได้เข้าใจว่าอิชานมีความผิดปกติด้านการเรียนรู้ หรือที่เรียกว่า Dyslexia (อาการบกพร่องด้านการอ่าน เขียน ผสมคำ สะกดคำ) คุณครูได้พยายามช่วยให้อิชานมีความมั่นใจมากขึ้น อย่างการเข้าสังคมกับคนอื่นได้จากการที่หมดความมั่นใจที่สอบตกมาตลอด รวมถึงส่งเสริมความสามารถในด้านศิลปะของอิชาน ซึ่งนอกจากจะทำให้คนอื่นยอมรับในตัวอิชานแล้ว ยังทำให้เขารักตัวเองมากขึ้นด้วย ระหว่างที่ดูเรื่องนี้อาจน้ำตาคลอไปกับน้องอิชานและคุณครูสอนศิลปะซึ่งเป็นตัวละครหลักของเรื่องได้
2. Dhanak
ความรักของสองพี่น้องที่อาศัยอยู่กับลุงและป้าที่มีฐานะไม่ค่อยดีนัก “ปาริ” พี่สาวที่ต้องการช่วยเหลือ “โชตุ” น้องชายตาบอดให้กลับมามองเห็นอีกครั้ง วันหนึ่งปาลีเห็นป้ายประกาศของดาราดังที่สามารถช่วยให้น้องชายของเขากลับมามองเห็นอีกครั้งได้ ทำให้ทั้งสองออกตามหา “ชารุกข่าน” นักแสดงดังในป้ายประกาศนี้ แม้ว่าการออกเดินทางของสองพี่น้องพวกเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ แต่พวกเขาก็ได้พบเจอมิตรภาพที่สวยงามจากการเดินทางครั้งนี้
3. I am Kalam
I am Kalam เป็นหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวของ “โชตุ” เด็กชายผู้ซึ่งมีฐานะไม่ดี ต้องทำงานในร้านอาหารเพื่อส่งเงินไปให้ที่บ้าน แม้จะขาดโอกาสในการที่ไม่ได้ไปโรงเรียนแต่โชตุก็เป็นเด็กที่ใฝ่เรียนรู้ ฉลาด และเรียนรู้ได้ไว โชตุได้รับแรงบันดาลใจจากการที่เขาเห็นประธานาธิบดีอับดุล กลาม พูดสปีชในทีวี ที่อยากให้เด็กทุกชนชั้นได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกัน ทำให้เขาปรารถนาอยากโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีแต่คนเคารพยกย่อง โชตุได้เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นกลามและได้พบกับเพื่อนวัยเดียวกันที่มีฐานะต่างกัน เป็นลูกชายของเจ้าของรีสอร์ต ทำให้ทั้งสองแอบเป็นเพื่อนกันอย่างลับ ๆ และสลับกันสอนในสิ่งที่ตัวเองถนัด โดยที่โชตุสอนภาษาฮินดีและสอนปีนต้นไม้ให้เพื่อนแลกกับการที่เพื่อนต้องสอนภาษาอังกฤษให้เขา กลามจะมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือไม่ จะได้ไปเรียนหนังสือตามความฝันของเขาหรือเปล่ามาลุ้นกัน
4. Toilet: Ek prem Katha
หนังอินเดียที่สะท้อนสังคมที่เน้นถึงความสำคัญของสุขอนามัยให้คนอินเดียมีห้องน้ำไว้ในบ้าน ซึ่งนางเอกต้องแต่งงานย้ายมาอยู่บ้านพระเอก แต่ที่หมู่บ้านของพระเอกผู้หญิงทุกคนต้องออกไปปัสสาวะพร้อมกันข้างนอกทำให้นางเอกซึ่งเป็นสาวหัวสมัยใหม่รับไม่ได้และต้องการให้สามีสร้างห้องน้ำไว้ที่บ้าน ความลำบากของผู้หญิงที่ต้องอั้นปัสสาวะและรวมตัวกันไปปัสสาวะอุจจาระรวมกันกับผู้หญิงคนอื่นทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน หรือแม้แต่การที่นางเอกของเรื่องไม่ต้องการทำธุระส่วนตัวร่วมกับคนอื่น จึงต้องให้สามีพาไปเข้าห้องน้ำบนรถไฟที่จอดเทียบชานชาลาจนรถไฟออก ความต้องการที่จะสร้างห้องน้ำในบ้านขัดกับหลักความเชื่อดั้งเดิมของคนในหมู่บ้านที่ว่าการมีห้องน้ำในบ้านเป็นสิ่งที่ไม่ดี อีกทั้งยังทำให้ชีวิตคู่ของตัวละครหลักในเรื่องมีปัญหาอีกด้วย มาเอาใจช่วยกับเปลี่ยนความเชื่อของคน ให้เห็นถึงข้อดีของการมีส้วมไว้ในบ้านกัน หนังยาวหน่อยแต่ได้เห็นวัฒนธรรมอินเดีย เป็นอีกเรื่องที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีทีเดียว
5.Padman
เรื่องราวที่สะท้อนถึงสังคมอินเดียอีกเรื่องหนึ่งที่เล่าผ่านชายคนหนึ่งที่เห็นความลำบากของภรรยาจากการมีประจำเดือน เนื่องจากคนในชุมชนมีความเชื่อว่าหากประจำเดือนมาเมื่อไรต้องไปนอนนอกบ้านเพราะถือว่าประจำเดือนผู้หญิงเป็นของสกปรก เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ หนังถ่ายทอดออกมาว่าผ้าอนามัยแบบที่ถูกสุขอนามัยก็แพงเกินไปที่จะซื้อมาใส่ การซักและตากผ้าซับเลือดก็ต้องตากอย่างลับ ๆ ด้วยการตากไว้ใต้ผ้าชิ้นอื่นอีกที การพูดถึงเรื่องประจำเดือนของผู้หญิงก็ควรพูดกันอย่างลับ ๆ ทำให้เขาคิดหาวิธีทำผ้าอนามัยที่ปลอดภัยให้ภรรยา ไปสู่การเป็นเจ้าของโรงงานผลิตผ้าอนามัยที่ราคาถูกและปลอดภัยเพื่อให้ผู้หญิงอินเดียสามารถเข้าถึงได้ และมีสุขอนามัยที่ดีขึ้น
☻แล้วคุณจะหลงรักหนังอินเดีย☻