5 หนังแนะนำที่กำกับโดย Bong Joon-ho

ในตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Bong Joon-ho ผู้กำกับหนังและผู้เขียนบทภาพยนตร์ชื่อดังชาวเกาหลีใต้ ที่สร้างผลงานการกำกับหนังยอดเยี่ยมไว้มากมาย และได้รับรางวัลต่าง ๆ ในหลายเวทีโลก 

Bong Joon-ho สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมจากฝั่ง us เริ่มหันมาดูภาพยนตร์ต่างชาติ ผ่านอุปสรรคทางด้านภาษาอย่างการอ่านซับไตเติ้ล อย่างที่ Bong Joon-ho ได้พูดเอาไว้ขณะที่รับรางวัล Best Foreign Film จากหนังเรื่อง Parasite ในงาน Golden Globe ว่า

“เมื่อคุณก้าวข้ามกำแพงสูงหนึ่งนิ้วที่เรียกว่าซับไตเติ้ลได้ คุณก็จะพบกับหนังที่สุดยอดอีกมากมาย”

โดยรายชื่อภาพยนตร์ด้านล่างนี้เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่ Bong Joon-ho เคยเขียนบทและกำกับไว้ ซึ่งก็จะผสมผสานระหว่างมุกตลกร้าย ความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้น ซึ่งเป็นการวิพากษ์สังคมเอาไว้ได้อย่างเจ็บแสบในมุมมองที่ต่างออกไป ซึ่งตอนจบของหนังส่วนใหญ่ที่กำกับโดย Bong Joon-ho มักชวนให้ผู้ชมได้คิดตามและตั้งคำถามต่อกันเอาเอง

*** Spoiler alert ::: เนื้อหาด้านล่างมีสปอยนิดหน่อยนะ ***

Memories of Murder (2003)

ภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนที่มีเค้าโครงจากคดีคดีฆาตกรรมต่อเนื่องฮวาซองที่เคยเกิดขึ้นจริง หญิงสาวนับสิบราย ตั้งแต่อายุ 13 – 71 ปี ถูกฆ่าข่มขืนอย่างทารุณ เรื่องราวมักเกิดขึ้นในคืนฝนตก โดยร่องรอยที่ถูกพบบนตัวศพเกิดจากอุปกรณ์ที่ติดตัวมากับเหยื่อ เช่น สายเสื้อชั้นใน สายสะพายกระเป๋า กางเกงใน เป็นต้น

ในเรื่องนี้เราจะได้เห็นถึงช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตามหาคนผิดได้ จึงเลือกที่จะใส่ความผู้บริสุทธิ์ มีการใช้กำลังความรุนแรงให้ผู้ต้องหาสารภาพ รวมถึงมีการนำความเชื่อด้านไสยศาสตร์ในการตามจับคนร้าย หรือแม้แต่การไม่ลงรอยกันของตำรวจเอง เนื่องจากแต่ละคนก็มีวิธีตามสืบคดีที่ต่างกันไป

และแล้วความจริงก็ปรากฎ.. เรื่องจริงของคดีนี้คือ เมื่อปลายปี 2019 ตำรวจเพิ่งจะปิดคดีนี้ได้ โดยตำรวจได้เปิดเผยรายละเอียดบางส่วนว่าได้ทำการตรวจดีเอ็นเอย้อนหลังในคดีนี้พบดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยที่ตรงกับร่องรอยบนเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตตรงกันอย่างน้อย 3 คน จาก 10 คน และผู้ต้องสงสัยก็ให้การสารภาพแล้ว ปัจจุบันคดีนี้หมดอายุความแล้ว ตอนนี้ผู้กระทำความผิดอายุ 56 ปี และกำลังเป็นผู้ต้องขังจำคุกตลอดชีวิตในคดีฆ่าข่มขืนพี่สะใภ้ตัวเองเมื่อปี พ.ศ.2537 

The Host (2006)

ในแม่น้ำฮัน ณ กรุงโซลมีปลายักษ์กลายพันธุ์ที่กินเนื้อเป็นอาหาร ซึ่งต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนั้นเกิดจากความมักง่ายของมนุษย์ จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจากเจ้าหน้าที่สหรัฐสั่งให้ชาวเกาหลีคนหนึ่งเทสารพิษลงในท่อระบายน้ำทำให้ปลายักษ์กลายพันธุ์ออกมาทำร้ายผู้คน (ซึ่งเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นจริงในกรุงโซลเมื่อในปี 2000 ยกเว้นในพาร์ทของปลาที่ไม่ได้เกิดขึ้นในชีวิตจริง)

เมื่อเวลาผ่านไปปลายักษ์กลายพันธุ์ตัวนี้ก็กระโดดขึ้นมาจากน้ำและเริ่มกัดกินผู้คน รวมถึงลักพาตัวลูกสาววัยรุ่นของครอบครัวหนึ่งไป แต่เขากลับได้รับโทรศัพท์จากลูกสาวว่าเขายังไม่ตาย!! และเมื่อบอกเจ้าหน้าที่ไปก็ไม่มีใครเชื่อ ครอบครัวนี้ก็เลยต้องหาทางไปช่วยด้วยตัวเอง

นอกจากประเด็นเรื่องการเทสารพิษลงแม่น้ำฮัน หลัก ๆ แล้วก็คงเป็นเรื่องที่คนชนชั้นปกครองไม่ยอมฟังปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ๆ ของคนในพื้นที่ ทั้งเรื่องความเมินเฉยของรัฐบาลเกาหลีที่มัวแต่ฟังคำสั่งของอเมริกา ปล่อยให้ชาวบ้านธรรมดา ๆ ครอบครัวหนึ่งต้องหาทางช่วยเหลือลูกสาวกันเอง หรือแม้แต่การที่อเมริกาให้ข้อมูลผิดพลาดเรื่องปลาว่าเกิดจากเชื้อไวรัส หน่วยงานต่าง ๆ คอยขัดขวางทำให้ครอบครัวนี้ช่วยเหลือลูกของตัวเองยากขึ้นไปอีก และเมื่อถึงฉากจบของเรื่องก็จบแบบให้คนดูคิดต่อกันเองได้หลายมุมอีกด้วย

Snowpiercer (2013)

ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นวิทยาศาสตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายกราฟฟิคฝรั่งเศส Le Transperceneige โดยภาพยนตร์เรื่อง Snowpiercer เป็นหนังบู๊แนวดิสโทเปียที่ดำเนินเรื่องบนรถไฟตลอดทั้งเรื่อง ซึ่ง Snowpiercer เป็นชื่อรถไฟความเร็วสูงที่จะแล่นไปทั่วโลกไม่มีวันหยุด เนื่องจากทั่วโลกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งที่เกิดจากความผิดพลาดในการแก้ปัญหาเรื่องโลกร้อนของมนุษย์ ทำให้มนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อีกต่อไป รถไฟขบวนนี้จึงเป็นความหวังสุดท้ายของมนุษย์ที่เหลืออยู่ 

นอกจากวิกฤตการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ที่ดูเหมือนจะเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้กำกับต้องการจะสื่อ โครงเรื่องเด่น ๆ ที่เห็นได้ชัดเจนอีกเรื่องหนึ่งก็คงจะเป็นเรื่องการจำลองโครงสร้างทางสังคมผ่านขบวนรถไฟถึงสถานะของคนแต่ละชนชั้น ซึ่งแน่นอนว่าคนรวยได้อยู่หัวขบวนชั้น first class ถัดมาเป็นชั้น economy และท้ายขบวนเป็นที่อยู่ของคนชนชั้นล่างขึ้นฟรีแต่ไม่มีจะกิน ทำให้คนชนชั้นล่างต้องเอาตัวรอด ลุกขึ้นมาปฎิวัติ เพื่อล้มล้างโครงสร้างระบบให้ชีวิตของพวกเขาดีกว่าเดิม

Okja (2017)

ภาพยนตร์บน Netflix ที่บอกเล่าเรื่องราวผจญภัยของเด็กสาวมิจา ออกผจญภัยตามหาซูเปอร์หมูเพื่อนรัก “โอ๊คจา” ที่ต้องแยกจากกันไปโดยไม่ทันร่ำลา ต้นกำเนิดของโอ๊คจามีที่มาจากการที่เจ้าของบริษัทผลิตเนื้อสัตว์รายใหญ่ในนิวยอร์กได้ทำการตัดต่อพันธุกรรมหมูเพื่อป้องกันปัญหาขาดแคลนทรัพยากร และในขณะเดียวกันก็ส่งหมูยักษ์นี้ไปให้เกษตรกรทั่วโลกเลี้ยงเพื่อโปรโมตว่าเป็นหมูจากธรรมชาติ และในขณะเดียวกันก็ถือเป็นการจัดประกวดไปในตัวเพื่อเฟ้นหาหมูตัวที่ดีที่สุด เมื่อถึงเวลาที่ครบกำหนดก็ต้องคืนหมูให้กับทางบริษัท 

โดยประเด็นหลัก ๆ ของเรื่องนี้ต้องการสื่อสารกับผู้ชมถึงระบบทุนนิยมในสังคม ทั้งเบื้องหลังกระบวนการผลิต การนำสัตว์ไปแปรรูปอาหาร รวมถึงสิ่งที่ตัวละครในเรื่องทำอยู่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของสัตว์หรือไม่ สิ่งนี้แหละที่ผู้ชมจะต้องย้อนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของพวกเรา แล้วคุณล่ะ รู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้?

หรือแม้แต่การช่วยเหลือของกลุ่มพิทักษ์สัตว์ ALF (Animal Liberty Front) ที่ต้องการช่วยโอ๊คจาให้ได้กลับไปอยู่กับน้องมิจาในบ้านกลางป่า แล้วซูเปอร์หมูตัวอื่นล่ะ? ถึงอย่างไรก็ต้องถูกนำไปแปรรูปเป็นอาหารอยู่ดี และแม้ว่าคนจะรู้สึกผิดแค่ไหน ภาพลักษณ์ขององค์กรจะแย่แค่ไหน แต่ถ้าอาหารราคาถูกคนก็จะลืมและซื้อกินอยู่ดี!

Parasite (2019)

นับตั้งแต่ Parasite เปิดตัวในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้รับรางวัลในเวทีอื่นอีกมากมายทำลายสถิติเป็นภาพยนตร์เกาหลีเรื่องแรกที่ได้รับความนิยมในเวทีโลก กลายเป็นที่พูดถึงและได้รับคำชมอย่างแพร่หลาย โดยประเด็นหลักของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ความเหลื่อมล้ำของฐานะและชนชั้นที่แม้จะเป็นชนชั้นในเกาหลี แต่แม้แต่ในไทยหรือหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ระบบความเหลื่อมล้ำนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทำให้คนทั่วไปเข้าใจและอินไปกับหนังได้ง่าย ๆ

โดย Bong Joon-ho เลือกเล่าเรื่องราวของหนังผ่านการเปรียบเทียบของสองครอบครัวระหว่างครอบครัวคนจนและครอบครัวคนรวยที่ถูกหยิบยกมาเล่าเป็นประเด็นหลักตลอดเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนจนที่อ้างความจนทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดแม้จะต้องเอาเปรียบคนอื่น หรือแม้แต่ข้ออ้างในการเป็นคนดี อย่างที่ตัวละครหนึ่งในเรื่องบอกไว้ว่า เพราะพวกเขารวยเขาถึงนิสัยดี ถ้าฉันรวยเท่าพวกเขาฉันจะนิสัยดีกว่านี้อีก 

นอกจากนี้ในหนังเรื่อง Parasite ยังยกประเด็นหนึ่งของคนชนชั้นล่างที่ต้องต่อสู้กันเองแบ่งฝักแบ่งฝ่ายไม่ร่วมมือกัน แต่กลับยกย่องเชิดชูที่คนรวยให้งานทำให้เงินใช้ และด้วยระบบความเหลื่อมล้ำที่ไม่เป็นธรรม คนจนแทบไม่มีโอกาสที่จะถีบตัวเองให้ทัดเทียมกับคนรวยได้เลย ไม่ว่าจะเป็นโอกาส ความก้าวหน้า ดูเป็นเรื่องที่ไกลเกินฝัน  

ซึ่งนี่เป็นหนังที่กำกับโดย Bong Joon-ho เพียงบางส่วนที่เราได้หยิบยกมาพูดถึง เมื่อพูดถึงชื่อผู้กำกับ Bong Joon-ho ก็การันตีได้แล้วว่า หนังทุกเรื่องของเขามีคุณภาพชวนน่าติดตาม แบบนี้ไม่ดูไม่ได้แล้ว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *